xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : “สิระ”ไม่รอดแน่ จบที่ศาลรัฐธรรมนูญ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ตอน “สิระ”ไม่รอดแน่ จบที่ศาลรัฐธรรมนูญ



กรณีศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับเรื่อง ที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจาก เคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน กระทำความผิดอาญาฐานฉ้อโกง
แต่สุดท้ายแป้ก เพราะจำนวน ส.ส.ที่ลงชื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรยื่นคำร้องต่อศาลไม่ครบตามจำนวน ที่ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือ 50 คน

ไปๆ มาๆ เหลือ 48 คน ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถรับคำร้องเอาไว้ และที่มันดราม่าคือ แต่เดิมมันมีจำนวนที่ผ่านเกณฑ์ 50 คน แต่ปรากฏว่า มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 2 คน ไปถอดชื่อออก ทำให้เหลือแค่ 48 คน

โดย ส.ส. 2 คน ที่ถอนชื่อออกในนาทีสุดท้าย คือ อนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร และอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่ถูกมองว่า เป็นงูเห่าตัวแม่ ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาเฉไฉว่า สาเหตุที่ถอนชื่อ เพราะเพิ่งมารู้ทีหลังว่า การร่วมลงชื่อครั้งนี้ไม่ใช่มติพรรคเพื่อไทย

แต่อมพระมาพูดสังคมก็ไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ แกะรอยไม่ยาก ตามคิวที่ว่า เบื้องหลังละครลิงครั้งนี้ มือดีลไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนซี้ของ สิระ ซึ่งอยู่ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่มี สิระ เป็นประธาน

คนที่คุ้นเคย สิระ ในมุ้งพรรคเพื่อไทยมีไม่กี่คน และอยู่ในคณะกรรมาธิการชุดเดียวกัน ก็ชัดเจนเป็น“ชัยยันต์ ผลสุวรรณ์” ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ที่ต้องตกเป็นจำเลยสังคมไปในตอนนี้

ว่ากันว่า “ชัยยันต์” สวมบท นักล็อบบี้มือพระกาฬ ตระเวนเกลี้ยกล่อม ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ที่ร่วมลงชื่อถอดถอน สิระ โดยมีการอ้างว่า ต่อให้ถอนชื่อไปก็ไม่กระทบกับคำร้อง เพราะรายชื่อ ส.ส.ในคำร้องถือว่าเพียงพออยู่แล้ว และถ้าร่วมยื่นคำร้องก็อาจจะเสี่ยงที่จะถูกฟ้องกลับได้

ขณะเดียวกัน ไม่ได้มีแค่ 2 คนคือ อนุรักษ์ และอาภรณ์ ที่ทำให้คำร้องถอดถอน สิระ แท้ง แต่พบว่า ก่อนหน้านี้ มีทั้ง ส.ส.กทม. และส.ส.ภาคอีสานรวม 12 คน ถอนรายชื่อออกไปก่อนเหมือนกัน

ขณะที่ “ชัยยันต์” เองก็ก่อนหน้านี้ก็มีพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ มาแล้ว โดยเคยลงมติสวนทางกับพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2563 โดยการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งนั้น เป็นการพิจารณาญัตติร่างรัฐธรรมนูญ วาระขอให้ตั้ง กมธ.พิจารณาก่อนรับหลักการ

โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากให้ตั้งกมธ.ศึกษาญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ ยืดเวลาการพิจารณาออกไปอีก 1 เดือน

ขณะที่ฝ่ายค้านลงมติไม่เห็นด้วย ซึ่งเมื่อตรวจสอบรายชื่อ สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้าน ในส่วนของพรรคเพื่อไทย พบว่ามี ส.ส. 4 รายที่ลงมติเห็นด้วย ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับรัฐบาล
และ 1 ใน 4 คนนั้นคือ “ชัยยันต์”

ขบวนการนี้ทำกันเป็นทีม พฤติการณ์ไม่ได้สลับซับซ้อน พวก ส.ส.รู้กันอยู่ว่าทำอย่างไร อยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะกล้าเปิดเผยรายชื่อออกมาสู่สาธารณชน และกล้าที่จะเปิดเผยพฤติกรรมหรือไม่

เรื่องทำนองนี้เสียหายมาก ทำพรรคเพื่อไทยเสียงรังวัด ถูกคนนินทาสังคมดูถูกว่า สู้ไปกราบไปแบบนี้ไม่มีวันชนะ ประชาชนไม่เขื่อน้ำยาอีกต่อไป เพราะก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็ถูกตั้งคำถามและค่อนแคะมาตลอดว่า ทำตัวเป็นมวยล้มต้มคนดูตลอดเวลาอยู่ในสภา

ต่อหน้าทำดุดัน โจมตีรัฐบาลประหนึ่งว่า ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ แต่ลับหลังไปแอบกินกับฝั่งรัฐบาล

ขณะที่การแก้ปัญหานี้ ทำท่าจะจริงจัง โดยผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค ทำเป็นแอคชั่น จะไต่สวนเรื่องนี้หลังถูกสังคมประณาม ซึ่ง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการพรรค ขึงขังตั้งคณะกรรมการสอบ พร้อมประกาศจะลงโทษขั้นเด็ดขาด เสียบประจานไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หากรู้ว่า เรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล

แต่ประชาชนยุคนี้หูตาสว่าง รู้ว่าการตั้งคณะกรรมการสอบเป็นแค่ฉากลิเก สุดท้ายพรรคเพื่อไทยไม่กล้าลงแส้ ส.ส.เหล่านี้ต่อให้มีหลักฐานแจ่มแจ้งก็ตาม

เพราะมีปรากฏการณ์งูเห่าโผล่มาตลอด ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น อย่าง พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. และพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี สอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย โหวตสวนมติกับพรรคเพื่อไทย และฝ่ายค้านแทบจะทุกรอบ ทุกวันนี้เพื่อไทยยังไม่มีปัญญาไล่ออก หรือมีมาตรการเด็ดหัวแต่อย่างใด ยังใช้ยี่ห้อพรรคได้เหมือนเดิม

ยิ่งเที่ยวนี้ อย่างไรเสียเต็มที่ก็โดนแบนห้ามร่วมทำกิจกรรมกับพรรค ห้ามเข้าร่วมประชุมนัดสำคัญ เรื่องจะไล่ใครออกจากพรรคเพื่อไทยเป็นแค่ฝัน ยิ่งสภาวะขณะนี้ลูกพรรคหลายคนก็จ้องจะเก็บกระเป๋าตาม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไปอยู่แล้ว ขืนไล่ออกไปตอนนี้ ต้องพูดว่า ปล่อยเสือเข้าป่า หรือเตะหมูเข้าปากหมาได้เลย

การถูกไล่ออก ทำให้ ส.ส.สามารถหาสังกัดใหม่ได้อย่างอิสระ ตามไปอยู่กับเจ๊ หรือจะย้ายขั้ว เปลี่ยนข้างได้โดยไม่มีใครว่า ดังนั้น ทำนายล่วงหน้า ไม่กล้าแตะต้อง ส.ส.ที่ถอนชื่อออกเด็ดขาด

ทางด้านฝั่งสิระ คงดีใจได้ไม่นาน แม้จะสกัดคดีไม่ให้ถึงศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยที่บิ๊กตู่ เสรีพิศุทธ์ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน เพราะนายใหญ่ แห่งพลังประชารัฐลงทุนออกหน้าให้อย่างเต็มที่ จัดหนักให้ทัพงูเห่าไปเต็มพิกัด แต่คดีคงจะไม่หายไปไหน รอกลับมารอบใหม่อีกครั้ง

ขณะนี้ รอกำลังเสริมจากพลพรรคก้าวไกล ที่จะตบเท้าเข้ามาช่วย เซ็นชื่อส่งสิระขึ้นสอย พรรคก้าวไกล เอาแน่ในรอบนี้ มีการพูดคุยกันแล้วว่า จะออกเป็นมติพรรค สมาชิกพรรคก้าวไกล53 คน บวกกับส. ส. เสรีรวมไทย แค่นี้ สิระก็ขึ้นเขียงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยไม่ต้องง้อส. ส. เพื่อไทย ให้เสียอารมณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น