xs
xsm
sm
md
lg

สั่งจำคุกทันที เมาแล้วขับผิดเงื่อนไข พยายามทำลายเครื่องEM

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR online -"อธิบดีคุมประพฤติ" เผยใช้ EM 1,876 ราย เน้นความผิด พ.ร.บ.จราจร ยกกรณีผู้ถูกศาลเพชรบูรณ์ สั่งจำคุกคดีเมาแล้วขับแล้วผิดเงื่อนไข พยายามทำลายเครื่อง EM จึงสั่งจำคุกทันที

วันนี้ (7 มิ.ย.) นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระทำผิด ว่า กรม คุมประพฤติได้ดำเนินการใช้อุปกรณ์ EM ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.62 จำนวนทั้งสิ้น 1,876 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 1,782 ราย เพศหญิง 94 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกคุมความประพฤติในฐานความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก จำนวนกว่า 1,255 ราย และมีผู้ถูกคุมความประพฤติถอดอุปกรณ์ EM แล้ว จำนวน 1,543 ราย อยู่ระหว่างการติดอุปกรณ์ EM จำนวน 333 ราย โดยผู้ถูกคุมความประพฤติส่วนใหญ่ปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่มีเพียงร้อยละ 1.29 ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข

นายประสาร เผยอีกว่า กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อการสร้างความมั่นใจแก่สังคมในระบบงานคุมประพฤติ อันเป็นหลักประกันความปลอดภัยของสังคม เช่นกรณีตัวอย่างที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก ที่ผู้ถูกคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งศาลมีคำสั่งใช้อุปกรณ์ EM ห้ามออกจากที่พักอาศัยตั้งแต่เวลา 19.00 – 05.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน ได้พยายามทำลายอุปกรณ์ EM ดังกล่าว เมื่อศูนย์ควบคุมการติดตามตัวด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนจากอุปกรณ์ จึงติดต่อพนักงานคุมประพฤติลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที

"ซึ่งพบว่า ผู้ถูกคุมความประพฤติมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขจริง จึงได้รายงานพฤติการณ์ดังกล่าวต่อศาล โดยศาลพิเคราะห์และเห็นว่า ผู้ถูกคุมความประพฤติจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลและเงื่อนไขการคุมความประพฤติ จึงให้ยกเลิกเงื่อนไขการคุมความประพฤติ และนำโทษจำคุก 1 เดือนที่รอการลงโทษไว้มาบังคับใช้ โดยเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง มีกำหนด 1 เดือน ทั้งนี้ การนำอุปกรณ์ EM มาใช้กับผู้กระทำผิด เป็นการปรับกระบวนการทำงานให้มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยนำแนวคิดแบบ Smart Probation ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการส่งเสริมคนดีกลับสู่สังคม"



กำลังโหลดความคิดเห็น