xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : “ขั้วเพื่อไทย”ยังไม่แพ้ ชู “ตี๋เอก” ลูบคม “ลุงตู่”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2562 ตอน “ขั้วเพื่อไทย”ยังไม่แพ้ ชู “ตี๋เอก” ลูบคม “ลุงตู่”



บุพเพสันนิวาสทางการเมืองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ กลายเป็นบุพเพอาละวาดอีกครั้ง เมื่อช่วงเย็นวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมลงมติพรรคเข้าร่วมหอลงโรง เป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ระหว่างกำลังเช็คชื่อเข้าห้องประชุม จู่ๆก็มีสายด่วนจากพลังประชารัฐมาถึง ขอให้เลื่อนประชุมไปก่อน
โดยสายด่วนแจ้งมาว่า ทางพลังประชารัฐขอเวลาดำเนินการแก้ไขปัญหาภายในก่อน หากเสร็จแล้วชัดเจนแล้ว ก็จะส่งข่าวมาอีกที

เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้ คงมองได้ว่า สินสอดทางการเมืองที่พรรคพลังประชารัฐหอบมาเสนอให้ประชาธิปัตย์ถึงบ้านนั้น กลายเป็นข้อเสนอที่มากเกินไป จนเกิดปัญหากระทบไปถึงคนในพลังประชารัฐ จะไม่เหลือเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ให้นั่ง

ด้วยที่มีข่าวว่า กลุ่มสามมิตรที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิน เป็นโต้โผใหญ่ ไม่มีที่ลง หาเก้าอี้กระทรวงเกรดเอนั่งไม่ได้ เพราะพรรคเอาไปเป็นสินสอดให้พรรคประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยจนไม่เหลือ ทั้งที่กลุ่มสามมิตรลงแรงและออกทุนขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่แรก

พอถึงเวลาแบ่งสมบัติกลับไม่มีคนเห็นคุณค่า เป็นใครก็คงไม่ยอม กลุ่มสามมิตรอย่างสมศักดิ์ต้องการนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะกลับมาลุยสนามการเมืองครั้งนี้ ตั้งใจมาเต็มที่ที่จะผลักดันความคิดของตนเองให้เป็นจริง ที่ได้นำไปหาเสียงไว้

ถ้าชวดจากเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ สมศักดิ์ก็ควรจะได้กระทรวงที่มีศักดิ์ฐานะใกล้เคียงกัน แต่พอยกขันหมากไปสู่ขอประชาธิปัตย์ที่มีสินสอดเป็น3 รมว. กับ4 รมช. ทำให้ไม่มีอะไรเหลือถึงกลุ่มสามมิตร และกลุ่มนักการเมืองนักเลงภูธรในพลังประชารัฐ ก็แห้วไปตามๆกัน

ที่แฮปปี้เอนดิ้งไปแล้ว คงมีแต่กลุ่มกทม. ที่ให้นายณัฐพล ทีปสุวรรณ มานั่งเป็นเสี่ยใหญ่คุมกระทรวงพลังงาน และกลุ่มศิษย์ข้างเคียงเสบียงหลังบ้านก็ได้กระทรวงหลักๆไปแล้ว อย่าง นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ก็เต็งจ๋าเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ส่วนอีกสองในในกลุ่มสี่กุมาร คือ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จ่อมาคุมกระทรวงอุดมศึกษาฯ กระทรวงที่ตั้งใหม่แต่มีงบประมาณเตรียมรอไว้ก้อนใหญ่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูลก็จองจะกลับมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเหลือแต่ตัวเลขาธิการพรรค นาย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ยังไม่ชัดเจนจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน

ขณะเดียวกัน ทางด้านเหล่าบรรดาสิงห์เหนือเสือใต้ นักการเมืองภูธรทั้งหลายในพลังประชารัฐ ที่ช่วยกันต่อสู้กับกองทัพเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์มาในศึกเลือกตั้ง 24 มีนาคม ยังไม่มีข่าวว่าใครจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่เลยสักคน

จึงเป็นไปได้ที่เมื่อยกสมบัติบรรดามีไปประเคนเป็นสินสอดการเมืองให้พรรคร่วมทั้งประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยจนไม่เหลือของดีไว้ คล้อยหลังจากนั้นคงจะเกิดเหตุฟาดงวงฟาดงาขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ

ขณะนี้มีข่าวตามมาว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรี ขอดูรายชื่อรัฐมนตรีทั้งหมดเอง เท่ากับว่า คงจะลงมาเกลี่ยตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีทั้งหมดกันใหม่อีกรอบ เพื่อเคลียร์ปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ

เพราะอย่าลืมว่า นักการเมืองเหล่านี้เป็นเสมือนน้ำที่ลอยเรือได้ ก็จมเรือได้เช่นกัน

ขณะที่อีกไม่กี่วันข้างหน้า พรรคก็จะเข้าสู่ศึกใหญ่อีกครั้ง ซึ่งจะประมาทวางใจในความสงบเรียบร้อยก็ไม่ได้ ถ้าไม่จัดการแก้ไขปัญหาภายในพรรคให้คลี่คลายสบายใจกันทุกฝ่ายเสียก่อน หากยังคาราคาซังเรื่องไม่จบ

ก็อาจส่งผลการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี รอบ2 ของพลเอก ประยุทธ์ ที่ต้องการให้ถูกต้องดีงามตามรัฐธรรมนูญ อาจจะมัวหมอง ก็เป็นได้

ในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ จะมีการเรียกประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อลงมติเลือก “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งถือเป็นไคลแมกซ์สำคัญในศึกชิงอำนาจชาติไทยที่แท้จริง

แม้แนวโน้มทางฝ่ายพลังประชารัฐ ดูจะกุมความได้เปรียบ ทั้งการเช็คเสียงจากการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร แล้วยังมีกองหนุนอย่างส.ว. 250 เสียงอีกด้วย โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐ จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ชัวร์แน่

แต่ลึกๆแล้ว “บิ๊กตู่” คงไม่ต้องการจะพึ่งพา พรรค ส.ว.ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน เพื่อความสง่างาม จำต้องได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร หรือ ต้องมี ส.ส.อย่างน้อย 250 คนโหวตให้ และจะให้ดีต้องมีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งขึ้นไปยิ่งมากยิ่งดี เพื่อให้พ้นภาวะ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” เพื่อเสถียรภาพในการทำงานของรัฐบาล

พอส่งสัญญาณมาเช่นนี้ เลยมีกระแสข่าวว่ามีการช้อปหา“งูเห่า” เตรียมไว้ราว 30 ตัว โดยมีการต้อนรับกันค่อนข้างหนักเป็นพิเศษ เหตุที่ทุ่มเทตอบแทนกันไปขนาดนั้น ก็เพราะในการโหวตเลือกนายกฯจะใช้วิธีการเปิดเผย ขานชื่อสมาชิกแต่ละคน แล้วให้พูดออกไมโครโฟน

ว่าสนับสนุนแคนดิเดตผู้ใดเป็นนายกฯ หรือจะงดออกเสียง เรียกได้ว่า หากมีการย้ายขั้วพลิกข้าง หรือเป็น “งูเห่า” ก็จะต้องเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการ และไม่สามารถถอยหลังกลับรูเก่าได้อีกแล้ว

ทางด้านขั้ว 7 พรรคการเมืองนำโดย พรรคเพื่อไทย - อนาคตใหม่ ก็ยังไม่ยอมแพ้ โยนผ้ารับสภาพง่ายๆ แม้รู้เต็มอกว่า โอกาสพลิกกระดานเอาชนะพรรคพลังประชารัฐ จะแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ประชาธิปัตย์ – ภูมิใจไทย ที่มีรวมกัน 104เสียงเข้าซบใต้ปีกพลเอก ประยุทธ์ไปแล้ว

สิ่งที่ฝ่าย 7 พรรคสามารถทำได้ ก็คงเป็นการเล่นบทบาทให้สมจริงและถึงที่สุด ทำให้ดีที่สุด ดังนั้นตามท้องเรื่องที่“ตี๋เอก ธราธร” ประกาศสวนทางขอเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียง และขอเสนอตัวเป็นนายกฯเอง

ผนวกกับการที่ “ตี๋เอก” ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว และชื่อของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังสามารถเขย่าขวัญผู้กุมอำนาจ รวมไปถึงสร้างกระแสในโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลองนึกภาพดู หากวันเลือกนายกฯ ฝ่ายพรรคเพื่อไทย-อนาคตใหม่ ส่งชื่อ “ตี๋เอก” ประชันกับ “ลุงตู่” น่าจะได้ภาพการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์มากกว่าการส่งชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งล่าสุดนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยก็แย้มไต๋มาแล้วว่าจะส่งธนาธรชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีสู้กับพลเอก ประยุทธ์

ศึกนี้ไม่ว่าธนาธรจะมีโอกาสเข้าไปในที่ประชุมเพื่อแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ แต่ก็เชื่อกันว่าจะเป็นอีกวันที่โซเชี่ยลจะลุกเป็นไฟ หรือหากมีการทำโพลออนไลน์ในขณะลงคะแนน ที่ผลออกมาคงขัดแย้งสวนทางกับผลการลงมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภาอย่างแน่นอน

ผลลัพธ์อาจจะเป็นว่า คนหนึ่งเป็น “นายกฯจากสภา” ส่วนอีกคนก็จะเป็น “นายกฯมหาชน” ไปแทน. แผนนี้ล้ำลึกและหวังผลซึมลึกอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น