xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : “ปิยบุตร” ติดกรงกรรม ไม่รู้ “ฟ้าสูง-แผ่นดินต่ำ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 2 เมษยน 2562 ตอน “ปิยบุตร” ติดกรงกรรม ไม่รู้ “ฟ้าสูง-แผ่นดินต่ำ”



นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ร้อนตัวออกมาดับกระแสโจมตีจากพลเมืองโชเชียลมีเดียที่แสดงความไม่พอใจในช่วงหลังเลือกตั้ง โดยนายปิยบุตร และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ถูกมองว่ามีพฤติกรรมไม่รู้สำนึกบุญคุณแผ่นดินเกิด และมีความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันเบื้องสูง จนเป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ

ยิ่งนับวันกระแสความที่พาดพิงถึงคนทั้งสอง ดูเหมือนจะยิ่งกระพือความรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปิยบุตรรีบแถลงข่าวก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจต่อสังคม ดีกว่าปล่อยทิ้งให้เรื่องยืดเยื้อลุกลามต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลร้ายต่อเขาอย่างแน่นอน

กระแสที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เกมการเมืองที่หวังใส่ร้ายป้ายสี โยนความผิดให้กับปิยบุตร เพื่อจะขจัดให้พ้นจากเกมแห่งอำนาจเท่านั้น แต่มันเป็นข้อเท็จจริงบางส่วนที่คนในวงการรับรู้กันมานานก่อนหน้านี้แล้ว

ว่าท่าทีและความคิดที่ฝังลึกในเรื่องที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ทั้งสอง เป็นอย่างไร ทั้งมีมุมมองอย่างไรกับเรื่องเบื้องสูง

ทั้งยังรู้กันดีว่า เวลาที่สองคนนี้พูดถึงสถาบันฯ หรือประเทศไทย ก็มักจะท้อนออกมาที่มีทัศนะทำให้คนร่วมวง หนาวๆ ร้อนๆ อยู่เป็นประจำ แต่ก็ด้วยแนวคิดและการพูดแบบนี้แหละ ได้กลายเป็นจุดขายของพวกเขา ทำให้มีตัวตนขึ้นมาในสังคม

จนนำพรรคอนาคตใหม่แจ้งเกิดเป็นพรรคการเมืองหน้าใหม่ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากคนทั่วประเทศอย่างท่วมท้นเกินคาด และยิ่งเป็นที่จับตาของสังคมเพราะสองคนกำลังเข้ามามีอำนาจทางการเมือง

ชัยชนะเหนือความคาดหวังของพรรคอนาคตใหม่ ย่อมถือว่า เป็น “วาสนาในคราวเคราะห์” เพราะว่ายิ่งเด่นยิ่งดัง ผู้คนก็ต้องการค้นหาตัวตนของธนาธรและปิยบุตรในทางลึกลงไป จนเจอเรื่องที่เป็น “กรงกรรม” ไม่ใช่วีรกรรมของเขาทั้งสองมากมาน

โดยเฉพาะ นายปิยบุตรมักพูดจาและแสดงออกส่อไปในทางไม่เคารพศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเรื่องที่คนไทยไม่พอใจพฤติกรรมของเลขาฯ พรรคอนาคตใหม่ ก็เป็นประเด็นที่ดูถูกดูแคลนแผ่นดินบ้านเกิด

ช่วงนี้อนาคตใหม่จึงถูกเช็กบิลย้อนหลัง เจอของแข็งรุมกระหน่ำใส่มาจากทั่วสารทิศ ทั้งมาจากเกมการเมือง และเจอข้อหาหมั่นไส้ ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับการเมืองที่ทะยอยตามมาเป็นหางว่าว คดีที่โดนยื่นยุบพรรคตอนนี้ไปถึงมือ กกต.แล้ว คงมีอยู่หลายคดี

ยังมีคดีส่วนตัวของธนาธรที่โจษขานเป็นประเด็นร้อน คือ เรื่องการซุกหุ้นบริษัท วี ลัค ที่เป็นบริษัททำธุรกิจสื่อการเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อเป็นข้อห้ามการเป็นผู้สมัคร ส.ส. หากพบว่าธนาธรโอนหุ้นผิดเวลา ไม่ได้จำหน่ายไปก่อนวันสมัคร ส.ส. ก็จะโทษใครไม่ได้ ถ้าต้องถูกลงโทษ ตัดสิทธิ์ทางการเมืองเพราะเรื่องนี้

ภายหลังจากเป็นนักการเมืองเต็มตัว ต้องฝ่ามรสุมร้ายต่างๆ ที่รุมกระหน่ำ ก็เห็นท่าทีของธนาธรและปิยบุตรเปลี่ยนไป และมีความพลิ้วอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น เรื่องยอมกลืนน้ำลายตัวเองทิ้งหลักการสำคัญข้อหนึ่งที่ว่าจะไม่สนับสนุนใครที่ไม่เป็น ส.ส.เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ยังไม่ทันเข้าสภา หลักการข้อนี้ก็ถูกถ่างไปแล้ว เมื่ออนาคตใหม่ต้องร่วมจับมือกับขั้วเพื่อไทย ดันคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นายกรัฐมนตรี หลังจากที่คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้เป็น ส.ส. เลยยอมถอดสวิตช์หลักการข้อนี้ไปพลางๆ ก่อน

สำหรับเรื่องแถลงการณ์ของปิยบุตร ที่ออกมาหวังสยบอารมณ์เกรี้ยวกราวในโชเชียลมีเดีย นับเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปอีกเช่นกัน เพราะปิยบุตรแต่ก่อนจะไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไรแบบนี้ แต่พอเจอกระหน่ำหนัก ปิยบุตรคงมองเห็นเค้าลางว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปกันใหญ่ ขืนนิ่งดูดายอาจจะมีผลในบั้นปลายที่ไม่ดีได้ จึงต้องชี้แจงเพื่อดับไฟแต่ต้นลม

เหตุทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากคำพูดของปิยบุตรเองที่เคยตั้งคำถามว่า ประเทศไทยยังเป็นการปกครองระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือ absolute monachy ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ตัวเองจะหนีไปอยู่อื่น

รวมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยไม่ควรใช้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยที่อนุญาตให้พระมหากษัตริย์เป็นประมุขมากกว่า

ปิยบุตรยังเคยร่วมกับเพื่อนนักวิชาการและประชาชนในชื่อ “คณะรณรงค์แก้ไข ม.112” ผลักดันให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อต้นปี 2555 โดยอ้างว่า การเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐ


และชัดเจนขึ้นเมื่อปิยบุตรแสดงท่าทีเป็นกังวลกับเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ คนไทยด้วยกันให้อภัยกันได้ แต่จะให้ดี ปิยบุตรกับธนาธร ต้องหยุดทำร้ายจิตใจคนไทยด้วยกัน ไม่ปากพล่อย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสพูดที่ไหน รวมทั้งต้องไม่อาศัยเวทีวิชาการเป็นเกราะกำบังการกระทำที่ไม่บังควรอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น