MGR online - “บิ๊กโจ๊ก” ส่งทีมรวบกะเทยตุ๋นเอาเงินหนุ่มญี่ปุ่นนับ 100 ราย มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท สารภาพทำมานานเป็น 10 ปี อ้างแค้นเคยถูกหนุ่มอาทิตย์อุทัยหลอกมาก่อน
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แถลงจับกุม นายอุทัย นันทะขันธ์ อายุ 43 ปี อยู่ที่ 38 ม.2 ต.นาสอาด อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ได้บริเวณหน้าโรงแรมมิตรภาพเทียร่า ซอยบุญอยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้จะเลือกเหยื่อเป็นนักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ซอยทองหล่อ อโศก สุขุมวิท สีลม โดยจะเข้าไปตีสนิทหลอกว่า ตนเป็นนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน หรือ ฮ่องกง เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแต่กระเป๋าสตางค์หาย ไม่มีเงินติดตัว ขอให้เหยื่อช่วยติดต่อกับเพื่อนตามหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นหมายเลขที่ไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อเหยื่อสงสารจะให้เงินแต่นายอุทัย กลับไม่ยอมรับเงิน พร้อมกับแจ้งเหยื่อว่าติดต่อกับครอบครัวที่ประเทศฮ่องกง หรือ ไต้หวัน ให้โอนเงินมาให้ และขอใช้บัญชีธนาคารของเหยื่อชาวญี่ปุ่น ซึ่งนายอุทัย ใช้วิธีหลอกโอนเงินทางตู้เอทีเอ็ม ว่า เงินได้โอนมาให้เหยื่อแล้วแต่ยังไม่สามารถใช้เงินได้ ต้องรออีก 3-5 วัน ทางเหยื่อชาวญี่ปุ่นก็หลงเชื่อ และได้ให้เงินสดไป แต่เมื่อครบกำหนดใช้เงินแล้ว กลับไม่มีการโอนเงินเข้ามา
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่า นายอุทัย กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ผู้เสียหายหลายร้อยคนได้เงินร่วมหลาย 10 ล้านบาท โดย นายอุทัย จะนำเงินที่ได้จากการหลอกหลวงในแต่ละครั้ง ไปเที่ยวเตร่ เลี้ยงเด็กผู้ชาย และเล่นการพนันออนไลน์
ด้าน นายอุทัย กล่าวรับว่า สาเหตุที่ทำให้ต้องก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว มาจากในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 2 และไปท่องเที่ยวกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นถูกหลอกโดยปล่อยให้อยู่ที่โรงแรมคนเดียว และต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด จึงรู้สึกคับแค้นใจ นอกจากนี้ ตนยังเคยถูกจำคุกในคดีดังกล่าวมาแล้ว และภายหลังจากการพ้นโทษมีการโพสต์ข้อความและภาพของตน ในลักษณะแจ้งเตือนชาวญี่ปุ่นบ่อยครั้ง และไม่ยอมหยุด จึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงกลับมาลงมือก่อเหตุซ้ำอีก จากการตรวจสอบพบว่า นายอุทัย เคยต้องคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 5 ครั้ง และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปลายปี 2561 ความเสียหายที่ผ่านมาที่สถานทูตรับเรื่องไว้ ปี 2554 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 25 ราย มูลค่าความเสียหาย 942,000 บาท ปี 2555 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 9 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,166,000 บาท ปี 2557 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 16 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,588,000บาท ปี 2558 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 2 ราย มูลค่าความเสียหาย 330,000 บาท ปี 2561 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 8 ราย มูลค่าความเสียหาย 308,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายที่ผ่านมา ประมาณ 5,334,000 บาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ศปอส.ตร. จะสืบสวนขยายผลว่ามีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวด้วยหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และขอนำเรียนประชาชนว่าหากพบการกระทำผิดในลักษณะเช่นนี้สามารถแจ้งข้อมูลมาที่สายด่วน ศปอส.ตร. 1155 สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1175 และสายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง