MGR online -ดีเอสไอ ขยายจับกลุ่มบุคคลที่กระทำลามกอนาจารเด็ก รวมทั้งกลุ่มที่ผลิต ครอบครอง และเผยแพร่ ประสานองค์การตำรวจสากลมีการเผยแพร่ในต่างประเทศหรือไม่
วันนี้ (24 ม.ค.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า จากปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็กเป็นประเด็นที่นานาชาติให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก โดยในประเทศไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดีเอสไอ จึงได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสืบสวนจับกุม รวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่กระทำลามกอนาจารเด็ก รวมทั้งกลุ่มที่ผลิต ครอบครอง และเผยแพร่ภาพลามกอนาจารเด็กดังกล่าว
พ.ต.อ.ไพสิฐ เผยอีกว่า ต่อมา ในวันที่ 11 ม.ค.62 ดีเอสไอ ได้รับแจ้งเบาะแสจากเฟซบุ๊ก “เพจล่า” ว่า พลเมืองดีได้ประสานให้ข้อมูลเกี่ยวกับชายต้องสงสัยที่เผยแพร่หรือแชร์ภาพลามกอนาจารเด็กในกลุ่มไลน์ของกลุ่มชายรักร่วมเพศ กระทั่ง เมื่อวันที่ 17 ม.ค. กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ ร่วมกับ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) แกะรอยชายต้องสงสัยดังกล่าวและติดตามจับกุม นายปกิต สุนทรวราภาส อายุ 46 ปี ในข้อหา “ครอบครอง เผยแพร่ สื่อลามกอนาจารเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น” นอกจากนี้ หากพบมีการกระทำความผิดฐานอื่นด้วย เช่น ข่มขืน พรากผู้เยาว์ หรือค้ามนุษย์ พร้อมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป
"จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การว่า ได้ชักชวนเด็กชายตามที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ ไปล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำสาธารณะ มีวิธีการหลอกล่อให้เด็กมาร่วมเพศสัมพันธ์เพื่อแลกเงินในการเติมเงินเกมในโทรศัพท์ครั้งละ 100 - 900 บาท และพบว่ามีการถ่ายรูปลามกอนาจารเด็ก แยกเป็นโฟลเดอร์ของเหยื่อแต่ละราย จำนวนประมาณ 30 - 40 โฟลเดอร์ และเผยแพร่ภาพลามกอนาจารข้างต้น ในกลุ่มไลน์ของชายรักชายหลายกลุ่ม"
พ.ต.อ.ไพสิฐ เผยต่อว่า สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ จะร่วมกับ มูลนิธิ A21 ซึ่งเป็นหน่วยงานพันธมิตร ในการระบุตัวเด็กเป็นรายๆ ตามแนวทางดำเนินการที่ให้เหยื่อเป็นศูนย์กลางและนำเข้าสู่กระบวนการพูดคุยซักถามโดยนักสังคมสงเคราะห์และมูลนิธิ A21 เพื่อประโยชน์ในการสืบสวน รวมทั้ง ได้ทำงานร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการช่วยเหลือดูแลเด็กที่เป็นเหยื่อต่อไป เนื่องจากเด็กที่ตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศและถูกแชร์ภาพลามกอนาจาร มักจะได้รับผลกระทบทางจิตใจ มีภาวะซึมเศร้า และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ปัญหายาเสพติด หรือการนำพาเด็กรายอื่นไปเพื่อการค้าประเวณี เป็นต้น
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของภาพลามกอนาจารที่ยึดได้ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว นั้น ดีเอสไอ จะนำภาพดังกล่าวไปประสานกับองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เพื่อตรวจสอบว่า ภาพหรือวีดิโอลามกอนาจารเด็กดังกล่าวมีที่มาอย่างไร เพื่อให้สามารถระบุตัวเด็กที่เป็นเหยื่อได้ และหากพบว่าภาพลามกอนาจารนี้มีการเผยแพร่ในต่างประเทศ จะได้ประสานกับประเทศนั้นๆ เพื่อดำเนินการต่อไป
"สุดท้ายนี้ ขอแจ้งเตือนพ่อแม่และผู้ปกครองของเด็ก ให้คอยสอดส่องดูแลบุตรหลานในปกครองอย่างใกล้ชิด รวมทั้งตรวจสอบว่ามีสิ่งผิดปกติหรือการใช้ชีวิตแปลกไปจากเดิมหรือไม่ เช่น สภาพร่างกายหรือจิตใจ พฤติกรรม การแสดงออก ความประพฤติที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งลักษณะการใช้จ่ายเงินเกินตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์ชักชวนเด็กไปล่วงละเมิดทางเพศ แลกกับเงินตอบแทน และหากพบว่า บุตรหลานตกเป็นเหยื่อ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดต่อไป ทั้งนี้ สามารถแจ้งข้อมูลเบาะแสได้ที่เว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th หรือ สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 1202 โทร.ฟรีทั่วประเทศ"