xs
xsm
sm
md
lg

ร้องกองปราบหาตัวนักธุรกิจไต้หวันหายตัวปริศนา หวั่นถูกอุ้มฆ่า เหตุกุมความลับทางธุรกิจหลายอย่าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สุวัชร์ สันตโยดม
MGR online - เพื่อนนักธุรกิจชาวไทยร้องกองปราบ ช่วยตามตัวเพื่อนชาวไต้หวันที่ทำธุรกิจร่วมกันหายตัวไปอย่างลึกลับ หวั่นถูกอุ้มฆ่าปิดปาก เหตุกุมความลับเกี่ยวกับความไม่ถูกต้องทางธุรกิจของกลุ่มเพื่อนที่ทำร่วมกับนายเจียงไว้หลายอย่าง

วันนี้ (26 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. นายสุวัชร์ สันตโยดม อายุ 57 ปี ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์และน้ำเกลือ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. เพื่อให้ช่วยติดตามตัว นายไซม่อน เจียง อายุ 58 ปี สัญชาติไต้หวัน เพื่อนสนิท ซึ่งเป็นนักธุรกิจเป็นตัวแทนติดต่อเช่าเหมาลำสายการบินระหว่างประเทศ และเป็นตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องสายการบินต่างๆ ในประเทศจีน เนื่องจากได้หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา

นายสุวัชร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ตนและนายเจียงพร้อมด้วยกลุ่มเพื่อนๆ นักธุรกิจชาวไต้หวัน ได้ร่วมกันทำธุรกิจตัวแทนติดต่อเช่าเหมาลำสายการบินระหว่างประเทศ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางมายังประเทศไทย และรับเช่าเหมาลำรับส่งสินค้าเข้าออกระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทย ซึ่งทำร่วมกันมาประมาณ 5 ปี โดยนายเจียงนั้น จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับเครือข่ายนักธุรกิจทัวร์ที่ประเทศจีน จนกระทั่งเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา นายเจียงได้เกิดข้อพิพาทกับนายปู่ เซิ่น หวัง อายุ 42 ปี นักธุรกิจชาวไต้หวันผู้ร่วมหุ้นอีกราย ที่เคยทำงานร่วมกันกว่า 20 ปี โดยสาเหตุความขัดแย้งน่าจะเกิดจากปมขัดแย้งในเรื่องการจ่ายเงินปันผลของธุรกิจจำนวน 10 ล้านบาท ที่นายหวังยังไม่มีการเงินในส่วนนี้ให้กับผู้ร่วมหุ้น เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาดสภาพคล่องทางการเงิน เพราะได้รับผลกระทบจากการที่นักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากยกเลิกการมาท่องเที่ยวในประเทศไทยหลังเกิดเหตุการณ์เรือฟินิกส์ล่มที่ จ.ภูเก็ต ที่ผ่านมา

นายสุวัชร์ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่ธุรกิจเกิดปัญหา นายเจียงได้พยายามทวงเงินจากนายหวัง จนเกิดการบาดหมางใจกัน ก่อนที่นายหวังจะเข้าแจ้งความกับทาง สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเอาผิดกับนายเจียงในข้อหา หมิ่นประมาท และกรรโชกทรัพย์ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า นายเจียงได้ใช้วิธีใดในการทวงเงินจำนวนดังกล่าว ก่อนที่ต่อมานายเจียงจะถูก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สตม. ตามจับกุมตัวจากกรณีดังกล่าว ซึ่งเมื่อนายเจียงได้รับการประกันตัวออกมา เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ก็ได้นำเรื่องดังกล่าวมาบอกเล่าให้ตนฟัง พร้อมกับระบายความรู้สึกว่าตัวเองนั้นถูกกลั่นแกล้งจนเกิดความเครียดเป็นอย่างมาก รวมถึงภายหลังจากที่นายหวังทราบข่าวว่านายเจียงถูกปล่อยตัวออกมาก็ได้ให้คนโทรศัพท์มาคุยกับตนเพื่อขอเคลียร์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

นายสุวัชร์ กล่าวอีกว่า จากนั้นได้มีการเรียกผู้ร่วมหุ้นรายอื่นๆ ให้มาช่วยคุยกับนายเจียงเพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องบาดหมางของทั้ง 2 คน จนกระทั่งเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ย. นายเจียงได้มาพบตนและได้บอกกับตน ว่า จะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เพื่อรักษาอาการเครียดและอ่อนเพลีย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ถูกกักตัวอยู่ใน บช.สตม. นานเกือบเดือน ซึ่งหลังจากแยกกันในวันนั้น ตนไม่สามารถติดต่อกับนายเจียงได้อีกเลย อีกทั้งบุตรชายของนายเจียงซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ประเทศไต้หวัน ก็พยายามติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อกับนายเจียงได้ ซึ่งทราบว่าตอนนี้ลูกชายนายเจียงได้ไปติดต่อร้องทุกข์ที่สถานทูตประเทศไทย ในประเทศไต้หวันแล้ว

นายสุวัชน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ คาดว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายเจียง นั้นคือ การที่นายเจียง เป็นผู้ที่กุมความลับเกี่ยวกับความไม่ถูกต้องทางธุรกิจของกลุ่มเพื่อนที่ทำธุรกิจร่วมกับนายเจียงไว้หลายอย่าง เพราะหากความลับนี้เปิดเผยต่อไปยังกลุ่มนักธุรกิจที่ประเทศจีน อาจเสียหายถึงขั้นล่มจมได้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะไม่อยากกล่าวหาใคร

“ผมก็ถูกตำรวจกดดันอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องการหายตัวไปของนายเจียงด้วยเช่นกัน เพราะตำรวจคิดว่าผมรู้ว่านายเจียงหายไปไหน แต่ความเป็นจริงแล้วผมเองก็ไม่ทราบ และต้องการจะพบเจอกับนายเจียงเหมือนกัน เนื่องจากผมนั้นยังคงมีธุรกิจที่ต้องทำร่วมกันกับนายเจียงและยังต้องมีการประสานงานกับนายเจียงอีกมากมายหลายอย่าง และมูลค่าที่ทำธุรกิจร่วมกันนั้นก็มีมูลค่าร่วม 1 พันล้านบาท” นายสุวัชน์ กล่าว

นายสุวัชน์ กล่าวด้วยว่า การที่มาเข้าพบตำรวจกองปราบเพื่อให้ช่วยตามหาตัวนายเจียงในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายเจียง และเกรงว่าหากไม่เร่งดำเนินการช่วยตามหา หรือปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปนานกว่านี้ นายเจียงอาจถูกผู้ไม่หวังดีหรือขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจอุ้มฆ่าจนเสียชีวิต เพื่อป้องกันความลับทางธุรกิจปกปิดไว้จะถูกเปิดโปง

ด้าน พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รายงานให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. รับทราบ ก่อนจะมีการมอบหมายให้ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. เร่งจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสในคดีนี้โดยเร็วที่สุด
ไซม่อน เจียง



กำลังโหลดความคิดเห็น