xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : “ทักษิณ”กลับไทยพ้นโทษ!? คดีกรุงไทยตามหลอน “แม้ว-โอ๊ค”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม 2561 ตอน “ทักษิณ”กลับไทยพ้นโทษ!? คดีกรุงไทยตามหลอน “แม้ว-โอ๊ค”


 
ความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างนี้ ทักษิณ เดินทางมาบัญชาการลิ่วล้อที่ ฮ่องกง มีการพบปะพูดคุยกับแกนนำ –อดีตส.ส.เพื่อไทย ที่บินไปพบ หารือทางการเมืองตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทักษิณจะอยู่จนถึงวันจันทร์นี้ 8 ต.ค.จากนั้นจะเดินทางไปประเทศอื่นต่อไป

นอกจากการเมืองเรื่องจัดทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ในเดือนตุลาคมนนี้ คดีความของทักษิณ คือ คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุกทักษิณ2ปี จะหมดอายุความในวันที่ 21 ต.ค. นับจากคำตัดสินจำคุกทักษิณ เมื่อสิบปีที่แล้ว คือ  21ต.ค. 2551 

คดีที่ดินรัชดาฯ ทำให้ ทักษิณ ต้องระเห็จออกจากบ้านเกิดไป10ปี ถึงตอนนี้ ทักษิณ ก็รอดไปไม่ต้องรับโทษในคดีนี้

แต่ด้วยชนักติดหลักทักษิณอีกหลายคดี โดยเฉพาะ คดีในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิจารณาคดีตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับแก้ไขใหม่ที่ให้ นำคดีที่ป.ป.ช.และอัยการเคยฟ้องทักษิณ แต่ศาลฎีกาจำหน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราว มาพิจารณาใหม่ลับหลังจำเลยได้

คดีทักษิณที่คาศาลฎีกาฯอยู่ มี คดีหวยบนดิน -คดีปล่อยกู้เอ็กซิมแบงค์ -คดีแปลงสัญญาโทรคมนาคม -คดีปล่อยกู้กรุงไทย ทั้งสี่คดี ตอนนี้ ทักษิณ ถูกยื่นฟ้องใหม่ กลายเป็นจำเลย และคดีอยู่ในสารบบเรียบร้อยแล้ว

ยังไม่นับรวมกับคดีก่อการร้าย ที่อัยการสูงสุด สั่งฟ้องทักษิณอีกหนึ่งคดี ในฐานะตัวการสำคัญในคดีก่อการร้าย จากการชุมนุมเสื้อแดงเมื่อปี2553    ที่มีการเหตุวุ่นวายเผาบ้านเผาเมือง คนบาดเจ็บเสียชีวิตมากมาย

ดังนั้น แม้ คดีที่ดินรัชดา จะขาดอายุความ แต่ก็ยังยากที่ ทักษิณ จะเดินทางกลับไทยหลัง  21ต.ค. เพราะยังมีชนักติดหลังมากมาย หากทักษิณกลับมา เพื่อมาสู้คดี ก็เสี่ยงนอนคุก ที่อาจไม่ได้รับการประกันตัวชั่วคราว  เพราะเคยมีประวัติหนีคดี

จึงเป็นไปได้ยากที่ทักษิณจะกลับมา และคดีความทุกคดียังหลอกหลอนต่อไป ไม่จบสิ้น

นอกจากคดีตัวเอง สิ่งที่ทำให้ ทักษิณ คงหนักใจอย่างมาก ก็คือ คนในครอบครัว ลูกชายหัวคนเดียวอย่าง “โอ๊ก พานทองแท้ ชินวัตร” กำลังต้องลุ้นหนักกับปัญหาคดีความแบบเดียวกัน

โดยในกลางสัปดาห์นี้ วันพุธที่10 ต.ค. ทางอัยการ ได้นัดผู้ต้องหาคดีปล่อยกู้กรุงไทย ให้กับกลุ่มธุรกิจในเครือกฤษดามหานครโดยมิชอบ ที่มีผู้ต้องหาประกอบด้วย โอ๊ก พานทองแท้ และพวก ให้มาฟังความเห็นของอัยการ ว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง ตามสำนวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ส่งมาหรือไม่

ต้องลุ้นว่า อัยการจะมีความเห็นสั่งคดีเลยหรือไม่ หรือจะเจอโรคเลื่อนออกไปอีก หลังก่อนหน้านี้เลื่อนมาแล้วรอบหนึ่งจากเดิมนัดฟังคำสั่งเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561ที่ผ่านมา

 รอบนั้น อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ที่รับผิดชอบสำนวนคดี อ้างเหตุที่ยังไม่มีคำสั่งทางคดีว่า เป็นเพราะได้สั่งให้ ดีเอสไอ สอบเพิ่มเติมหลายประเด็น เพื่อให้สำนวนมีความชัดเจนมากขึ้น จึงนัดสั่งคดีอีกครั้งเป็นวันที่ 10 ต.ค.นี้ 

 ประเด็นที่อัยการสั่งให้ดีเอสไอสอบเพิ่มเติมเข้ามาในสำนวน มีข่าวว่า อัยการฝ่ายคดีพิเศษเห็นว่า สำนวนยังไม่ครอบคลุมเลยขอให้สอบเพิ่มเติม ในสองประเด็นหลักคือ

1. อัยการสอบถามถึงคดีฟอกเงินทั้งหมด ที่เป็นผลจากการทำธุรกรรมทางการเงิน ที่เกี่ยวข้อง ในการปล่อยกู้ ระหว่างธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษดาธานนท์ ที่ทำผ่านบริษัทในเครือคอบริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค ได้รับสินเชื่อ  9,900 ล้านบาท จากแบงค์กรุงไทย

ว่าเงินก้อนดังกล่าว หลังผู้บริหารกลุ่มกฤษดาธานนท์ได้รับจากบอร์ดกรุงไทยแล้ว เม็ดเงินดังกล่าวมีการโอนออกไปที่ไหนบ้าง  โดยดีเอสไอได้แจ้งไปว่า มีการทำสำนวนสั่งฟ้องให้อัยการไปเกือบหมดแล้ว  ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 2 สำนวน

ได้แก่ กรณีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ จำเลยคดีปล่อยกู้กรุงไทยที่อยู่ระหว่างการจำคุกได้ เซ็นเช็คบริจาคให้กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง จำนวน 100,000 บาท และกรณีเซ็นเช็คค่าจัดเลี้ยงรุ่นวปอ. ที่บุคคลอื่นสำรองจ่ายไปให้ก่อน จำนวน 200,000 บาท

 สำหรับประเด็นที่สอง ทางอัยการสั่งสอบสวนเพิ่มว่า นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรชายของนายวิชัย ที่ก็เป็นอดีตผู้บริหาร กฤษดามหานคร มีธุรกิจของตัวเองอะไรบ้าง โดยเฉพาะขอให้ตรวจสอบว่า  นายรัชฎา มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายรถยนต์หรูหรือรถยนต์ซูเปอร์คาร์ หรือไม่

 ในประเด็นนี้ อัยการขอให้ทำสำนวนข้อมูลเพิ่ม เข้ามา คาดได้ว่าเนื่องจากในข้อต่อสู้ทางคดีของ พานทองแท้ ที่ชี้แจงว่ากรณีมีเช็คเข้าบัญชีพานทองแท้จำนวนสองครั้งนั้น คือ26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ตามลำดับ

ในเช็ค 10ล้านบาท ที่พบว่า มีการโอนเงินจากนายวิชัย อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร เข้าบัญชีพานทองแท้ เมื่อ 17 พ.ค.2547 ทาง นายพานทองแท้ เคยอ้างว่า เป็นเงินจากการทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์จากต่างประเทศที่โยงไปถึง นายรัชฎา กฤษดาธานนท์

อัยการต้องการข้อมูลให้สิ้นสงสัย ว่า นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ มีธุรกิจจำหน่ายรถยนต์หรู อย่างไร เพื่อจะได้รู้ว่าการโอนเงินไปมาระหว่างอดีตผู้บริหารกฤษดามหานครกับ นายพานทองแท้  มีข้อน่าสงสัย มีที่มาที่ไปจริงหรือไม่ ข้อต่อสู้ของพานทองแท้ ฟังขึ้นหรือไม่

เมื่อดีเอสไอ ส่งพยานหลักฐาน ประเด็นที่อัยการสั่งให้สอบเพิ่มจนครบถ้วนหมด หากทุกอย่างเคลียร์หมด สิ้นสงสัย แล้ว อัยการจะยื้อคดีไว้ โดยยังไม่มีความเห็นสั่งคดีว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง พานทองแท้กับพวกในวันที่10 ต.ค.นี้

ถ้าอัยการสั่งฟ้อง สองพ่อลูก ทักษิณ กับ พานทองแท้ จะตกเป็นจำเลยในคดีกรุงไทยด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่คนละศาล โดยทักษิณ ต้องลุ้นผลคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ส่วนพานทองแท้ ต้องไปสู้คดี ที่ศาลอาญา 
ก็สมกับเป็นพ่อลูกกันโดยแท้


กำลังโหลดความคิดเห็น