xs
xsm
sm
md
lg

ป.รวบจ่าทหารอากาศ ตั้งแก๊งหลอกซื้อดาวน์รถบรรทุก แบ็กโฮ ขายประเทศเพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR online - ตำรวจกองปราบปราม ตามรวบจ่าทหารอากาศ พร้อมสาวร่วมแก๊ง หลอกซื้อดาวน์รถบรรทุก แบ็กโฮ ก่อนนำขายประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่หัวหน้าขบวนการหนีรอดไปได้ ตำรวจเร่งตามจับตัว



วันนี้ (4 ต.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาการ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.มนต์ชัย เพ็งเลิศ สว.กก.5 บก.ป. พ.ต.ท.วิศิษฎ์ ศรียาภัย สว.กก.5 บก.ป. พ.ต.ต.พงษ์พิทักษ์ บุญบำรุง สว.กก.5 บก.ป. ร่วมแถลงผลจับกุม จ.อ.พงษ์ศักดิ์ เทียมปาก อายุ 26 ปี ทหารอากาศสังกัด กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี อยู่บ้านเลขที่ 126/6 ม.5 ต.มะลวน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และ น.ส.วลัยพร สัพพะเลข อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/712 ซ.รามคำแหง 190/2 แขวงและเขตมีนบุรี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2039/2561 และ 2041/2561 ตามลำดับ ลงวันที่ 10 ก.ย.2561 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยสามารถจับกุม จ.อ.พงษ์ศักดิ์ ได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 126/6 ม.5 ต.มะลวน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และจับกุมตัว น.ส.วลัยพร ได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 1/712 ซ.รามคำแหง 190/2 แขวงและเขตมีนบุรี

พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าร้องเรียนว่าถูกผู้ต้องหากลุ่มนี้หลอกลวงซื้อดาวน์รถแบคโฮ รถหัวลากและรถบรรทุกสิบล้อ ซึ่งมีราคาประมาณ 3-4 ล้านบาท จากกลุ่มผู้เสียหาย ในราคาคันละประมาณ 3 แสนบาท เพื่อนำไปผ่อนต่อ แต่เมื่อได้รถไปแล้วกลับไม่ยอมทำการเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อหรือผู้ครอบครองกับทางบริษัทไฟแนนซ์ รวมถึงไม่มีการจ่ายค่างวดรถตามสัญญา จนทำให้ผู้เสียหายถูกฟ้องร้องได้รับความเดือดร้อน

พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 คน มีการแบ่งหน้าที่ทำกันเป็นขบวนการ โดยมี นายวรเทพ บุญทร ผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีเป็นหัวหน้าคอยสั่งการให้ จ.อ.พงษ์ศักดิ์ ทำทีเป็นตัวแทนของบริษัทแห่งหนึ่งเข้าไปเจรจาติดต่อขอซื้อดาวน์รถกับผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จ.อ.พงษ์ศักดิ์ ก็จะส่งเรื่องต่อมายัง น.ส.วลัยพร เพื่อทำทีอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการด้านเอกสารทำเรื่องเปลี่ยนผู้เช่าซื้อกับทางบริษัทไฟแนนซ์และการโอนเงิน แต่เมื่อมีการจ่ายเงินดาวน์และรับมอบรถจากทางผู้เสียหายแล้ว ผู้ต้องหากลุ่มนี้ก็จะเชิดรถหนีหายไป ก่อนจะนำรถไปจอดพักไว้ที่บ่อทรายแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี เพื่อเตรียมนำส่งขายให้กับลูกค้ายังประเทศเพื่อนบ้านในราคาคันละ 1-2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับก่อนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ที่บ้านพัก

พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้กระจายกำลังนำหมายค้นเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เลขที่ 113 หมู่ 1 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท เอบีแซด กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ของ น.ส.วิลัยพร หลังพบว่าเป็นสถานที่ใช้เก็บเอกสารธุรกรรมทางการเงินและเอกสารเกี่ยวกับรถของผู้เสียหาย ซึ่งจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบเอกสารธุรกรรมการโอนเงินเข้า-ออกระหว่าง น.ส.วิลัยพรกับ จ.อ.พงษ์ศักดิ์ จำนวนมากจึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่กำลังอีกส่วนหนึ่งเข้าทำการตรวจค้นพื้นที่คล้ายกับบ่อทราย มีการเปิดเป็นอู่ซ่อมรถชื่ออุดมทรัพย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.7 ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี หลังทราบว่าถูกใช้เป็นสถานที่จอดเก็บรถเพื่อเตรียมส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน จากการตรวจค้นพบรถบรรทุกขนาดใหญ่และซากรถจอดอยู่ภายในอู่ดังกล่าวจำนวน 28 คัน เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ทำการตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.อ.ภูมินทร์ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบการกระทำผิดอย่างชัดเจนสำหรับผู้ต้องหากลุ่มนี้ 4 คดี ประกอบด้วย คดีหลอกเช่าซื้อรถแบ็กโฮ จำนวน 4 คัน มูลค่าประมาณ 14.8 ล้านบาท เหตุเกิดในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา คดีเช่าซื้อรถแทร็กเตอร์แบบขุดดิน 1 คัน มูลค่า 4.3 ล้านบาท ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี คดีหลอกเช่าซื้อรถบรรทุกจากผู้เสียหาย จำนวน 6 ราย ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 27.6 ล้านบาท

นอกจากนี้ ผู้ต้องหากลุ่มนี้ยังก่อเหตุแฝงตัวเข้าไปซื้อหุ้นเพื่อร่วมลงทุนกับบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งในจำนวนเงิน 3 ล้านบาท เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการบริหาร ก่อนจะสั่งการให้นำรถหัวลากของบริษัทดังกล่าวจำนวน 10 คัน มูลค่ารวม 30 ล้านบาท ไปจอดที่ อู่อุดมทรัพย์ จ.กาญจนบุรี ก่อนจะเคลื่อนย้ายรถหนีไปหายไป อย่างไรก็ตามจากการประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากผู้ต้องหากลุ่มนี้เบื้องต้นพบว่ามีมูลค่าความเสียหายมากถึง 77 ล้านบาท

นายสหัส สินตุ้น อายุ 44 ปี ผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวว่า ได้รู้จักกับ จ.อ.พงษ์ศักดิ์ ผ่านทางเพจซื้อขายรถ ก่อนจะมีการติดต่อทำสัญญาซื้อดาวน์รถแบ็กโฮ 1 คัน หัวรถพ่วง 1 คัน ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3 ล้านกว่าบาท โดยมีการจ่ายเงินดาวน์เบื้องต้นคันละประมาณ 3 แสนบาท แต่ได้รถไปแล้วกลับไม่มีการจ่ายค่างวดรถตามข้อตกลงกันไว้ เมื่อเข้าไปทวงถามกลับถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่า ตัวเองเป็นแค่นายหน้าเท่านั้น หากจะเอาผิดทางกฎหมายก็ไม่กลัวเพราะตัวเองเป็นทหาร

จากการสอบสวน จ.อ.พงษ์ศักดิ์ ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่า ตนทำหน้าที่เป็นเพียงแค่นายหน้าจัดหารถให้กับทางนายวรเทพเพียงเท่านั้น โดยจะได้รับค่าตอบแทนจากการจัดหารถคันละ 2 หมื่นบาท และไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการของนายวรเทพแต่อย่างใด

ส่วน น.ส.วลัยพร ก็ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า เปิดบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และรับดำเนินการประสานงานด้านสินเชื่อ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการของ นายวรเทพแต่อย่างใด ส่วนที่รู้จักกันนั้นเป็นเพียงในฐานะลูกค้าที่มาติดต่อให้ช่วยดำเนินการด้านเอกสารเกี่ยวกับการขอสินเชื่อเพียงเท่านั้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น