xs
xsm
sm
md
lg

สตม.โชว์จับ 4 คดีรวด ทั้งแก๊งพนันออลไลน์ โรแมนซ์สแกม ปลอมแปลงเอกสารขอวีซ่า และหลอกขายตั๋วเครื่องบิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตามจับแก๊งปั่นหุ้นและพนันออนไลน์ได้ผู้ต้องหาทั้งไทย-จีน และแคนาดาที่เป็นหัวหน้าแก๊ง รวม 14 ราย ขณะเดียวกันยังจับชาวไนจีเรีย และคนไทย ร่วมแก๊งโรแมนซ์สแกมอีก 2 ราย นอกจากนี้จับสาวไทยทำเอกสารเท็จต่อวีซ่าให้ชาวต่างชาติ อีกรายจับหนุ่มหลอกขายตั๋วเครื่องบิน ความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท พบถูกดำเนินคดีมาแล้ว 7 ครั้งในข้อหาฉ้อโกง



วันนี้ (3 ต.ค ) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พร้อม พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม. ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 4 คดี

โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ สตม. และ ศปอส.ตร. เข้าตรวจค้นห้องเลขที่ 36/39 และ 36/40 ชั้น 13 อาคารพีเอสทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กทม. พบชาวจีน รวม 59 คน กระทำความผิดเรื่องร่วมกันปั่นหุ้นและเปิดบ่อนพนันออนไลน์ จากนั้นชุดสืบสวนได้ขยายผลจนทราบว่าห้องดังกล่าวเป็นที่ตั้งของบริษัท ซัพวิน ซี เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท ซูส แอล เทคโนโลยี จำกัด มีชาวแคนาดาเป็นหัวหน้าใหญ่ สั่งการให้ชาวจีนมาว่าจ้างคนไทยให้เป็นกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้น (นอมินี) แทน อีกทั้งหลอกคนไทยให้ทำประกันสังคมเพื่อนำชื่อคนไทยมาเป็นพนักงานบริษัท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับเครือข่ายที่กระทำความผิดได้ 14 ราย เป็นสัญชาติไทย 5 ราย จีน 7 ราย แคนาดา 2 ราย ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในกฎหมายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว และถือหุ้นแทนคนต่างด้าวบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจบริการโดยหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือเป็นการที่คนต่างด้าวยินยอมให้มีผู้มีสัญชาติไทยกระทำการดังกล่าว ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นคนไทย 4 ราย จีน 2 ราย แคนาดา 1 ราย รวม 7 ราย หลังจากนี้ จะเร่งติดตามผู้กระทำผิดที่เหลือ

ต่อมาคดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. และชุดสืบสวน สน.ดอนเมือง ร่วมกันจับกุม นายซิโกซี โอริซากเว อายุ 41 ปี สัญชาติไนจีเรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2213/2561 ลงวันที่ 26 กันยายน 2561 และ น.ส.ปราณหทัย เจิมจันทร์ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2212/2561 ลงวันที่ 26 กันยายน 2561 พร้อมด้วยของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ศปอส. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย นางพจมาน สุดงาม ได้ถูกคนร้ายแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอกลวงให้โอนเงินจำนวน 42,900 บาท จึงได้ทำการสืบสวนจนขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ต่อมาทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงติดตามไปจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 ราย

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการหลอกลวงเหยื่อจริง โดยนายซิโกซีเป็นคนสั่งการ ใช้ชื่อปลอมทางเฟซบุ๊ก Owen Danial, ไลน์ปลอม ชื่อ Luzy, Kenneth คุยหลอกลวงเหยื่อ ส่วน น.ส.ปราณหทัย ทำหน้าที่เป็นนกต่อ คอยโทรศัพท์หลอกให้เหยื่อถอนเงิน จนมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้ว 3 ราย แต่ละครั้ง เหยื่อจะโอนเงินให้ประมาณ 20,000-30,000 บาท จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ความเสียหาย 25,000 บาท สภ.วิชิต 342,000 บาท และ สน.ลาดกระบัง 35,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 444,900 บาท เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ

ส่วนคดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ สตม.ได้ทำการจับกุม น.ส.ยุพิน จันต๊ะคาด อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2253/2561 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2561 พร้อมของกลาง สมุดบัญชีเงินฝาก 11 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 6 ใบ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 8 เล่ม สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล 1 ลัง หนังสือเดินทาง 4 เล่ม ตรายางประทับบริษัทต่างๆ 17 อัน และสำเนาหนังสือเดินทางกับเอกสารอื่นๆ 1 ลัง ภายหลังสืบทราบว่า น.ส.ยุพินมีพฤติกรรมเป็นนายหน้าต่อวีซ่าให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะสัญชาติอินเดีย ปากีสถาน ไนจีเรีย และอื่นๆ โดยจะจัดเตรียมเอกสารการขออนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวให้กับชาวต่างชาติ เพื่อยื่นขออนุญาตต่อกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แต่จากการตรวจสอบเอกสารที่ผู้ต้องหารายนี้จัดเตรียมให้ชาวต่างชาติยื่นขออนุญาตพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.1 ให้ชาวไนจีเรีย 2 ราย ใช้ขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ และขอกับเจ้าหน้าที่ที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่า น.ส.ยุพินพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักซอยด่านสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ จึงนำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการเข้าตรวจค้นและจับกุม น.ส.ยุพิน จันต๊ะคาด ได้ที่บ้านพักดังกล่าว

คดีสุดท้าย เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. และ สน.บางเขน จับกุม นายณฐพบ พลศรี อายุ 30 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร หลังก่อเหตุหลอกขายตั๋วเครื่องบินโดยสารไปต่างประเทศแต่กลับเชิดเงินหนีไป สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับเรื่องร้องทุกข์ว่า มีคนร้ายใช้แอพพลิเคชั่นไลน์พูดคุยเสนอตั๋วเครื่องบิน อ้างอิงจากโปรโมชันตามเว็บ ‪www.traveloke.com‬ และอ้างว่าชื่อนายจักรพงษ์ พิบูลย์สงคราม เป็นตัวแทนพนักงานสายการบินต่างๆ สามารถใช้สิทธิ์และหาตั๋วได้ในราคาถูก บินระหว่างประเทศ ฮ่องกง ปารีส นิวซีแลนด์ โอซาก้า โตเกียว ลอนดอน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงบอกต่อกับเพื่อน แล้วรวมกลุ่มกันซื้อตั๋วเดินทาง ทำให้มีผู้เสียหายหลายรายและจองหลายเที่ยวบิน โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสิน เลขที่ ‪020164447151‬ ระบุชื่อบัญชีนายณฐพบ พลศรี เมื่อโอนเงินแล้วจะได้รับรูปภาพการจองตั๋วในเวลาไม่นาน แต่เมื่อถึงวันกำหนดเดินทางผู้เสียหายไม่สามารถเดินทางได้ พยายามติดต่อผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความ จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียหายประมาณ 60 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายณฐพบ พลศรี ถูกดำเนินคดีมาแล้ว 6 ครั้ง ในข้อหาฉ้อโกงเช่นเดียวกันตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน ล่าสุดครั้งที่ 7 กระทำผิดในพื้นที่ สน.บางเขน โดยใช้แผนประทุษกรรมแบบเดียวกัน เบื้องต้นแจ้งข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า ในกรณีเจ้าหน้าที่จับกุม น.ส.ยุพิน คดีที่ 3 ซึ่งเป็นนายหน้า ดำเนินเรื่องขออยู่ต่อให้กับชาวต่างชาติโดยการปลอมแปลงเอกสาร ทำเอกสารเท็จ การเสียภาษีเงินได้นั้น จากการสืบสวนพบว่ามีผู้เข้าร่วมขบวนการอีกหนึ่งคน ตอนนี้อยู่ระหว่างขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ขณะเดียวกัน ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบย้อนหลังว่าขบวนการดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ หากพบจะดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด พร้อมฝากถึงนายหน้าทุกคนขอให้ปรับตัวในการทำงานเพื่อไม่ให้ประเทศชาติเสียหาย หากจะมาประสานงานก็สามารถทำได้ตามปกติ แต่ถ้าทำไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะจับกุม

ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมนี้ สตม.จะมีการติดตั้งระบบลิงก์เก็ต เพื่อเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ส่วนราชการ กระทรวงพาณิชย์ กรมการปกครอง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายและละเอียดมากขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่จะใช้เทคโนโลยีทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่จะเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น






กำลังโหลดความคิดเห็น