xs
xsm
sm
md
lg

คุมตัววินสาว จยย.หอบเสื้อ “สหพันธรัฐไท” ฝากขัง แจ้ง 2 ข้อหา อั้งยี่-ยุยง กลุ่มสิทธิมนุษยชนยื่นมือขอประกันตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - กองปราบปรามคุมตัวสาววิน จยย.แจ้งข้อกล่าวหาอั้งยี่ และยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ครอบครองเสื้อ “สหพันธรัฐไท” ผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อหา กลุ่มทนายสิทธิมนุษยชนจ่อยื่น 1 แสนบาท ช่วยเหลือขอประกันตัว



วันนี้ (12 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.เสวก บุญจันทร์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เบิกตัวนางวรรณภา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหาอั้งยี่ ไปฝากขังยังศาลอาญาผัดแรก หลัง พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นำตัวมาส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินคดีเมื่อเย็นวาน (12 ก.ย.) ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่ามีการครอบครองเสื้อยืดโปโลสีดำที่มีแถบป้ายสีขาว-แดง มีความหมายเชิงสัญลักษณ์แบ่งแยกการปกครอง “สหพันธรัฐไท” จำนวน 400 ตัว ทั้งนี้ ขณะถูกควบคุมตัวฝากขังนางวรรณภาได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว

ด้าน น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่เดินทางมาเป็นฝ่ายกฎหมายให้แก่นางวรรณภา เปิดเผยว่า นางวรรณภาดูมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้เหมือนปกติ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้นำอาหารไปให้ แต่นางวรรณภาปฏิเสธที่จะรับประทานเนื่องจากมีอาการปวดหัวไมเกรน แต่พอหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำในวันนี้อาการเริ่มดีขึ้นสามารถรับประทานอาหารและดื่มนมกล่องได้บ้างเล็กน้อย

น.ส.ภาวินีกล่าวต่อว่า ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนในชั้นสอบสวน ทราบเพียงว่าทางพนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนางวรรณภา 2 ข้อหา ประกอบด้วย อั้งยี่ และยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ซึ่งนางวรรณภาก็ยังคงยืนกรานให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเนื่องจากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่ทราบว่าสัญลักษณ์บนเสื้อดังกล่าวมีความหมายอย่างไร และไม่เคยฝักใฝ่เรื่องการเมือง เพราะเป็นเพียงแค่วินจักรยานยนต์รับจ้างทั่วไป แต่ที่มีเสื้อไว้ในครอบครองนั้นเพราะรับเสื้อดังกล่าวมาจากมารดาอีกที เพื่อนำไปส่งให้กับบุคคลตามรายชื่อที่มารดากำหนดมาให้เท่านั้น และค่าใช้จ่ายในการส่งทางมารดาจะเป็นผู้โอนเงินมาให้ ที่ผ่านมานางวรรณภาเองก็ทำมาหลายครั้งแล้วจึงไม่ทราบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย

น.ส.ภาวินีกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องประกันตัวนั้นคิดว่าศาลน่าจะเมตตา เพราะข้อเท็จจริงแล้วตัวผู้ต้องหาไม่ได้มีแนวคิดที่จะปลุกปั่น หรือแนวคิดทางการเมืองหรือมีความรู้เกี่ยวกับสหพันธรัฐไทดังกล่าว เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลอินเทอร์เน็ตไม่พบพฤติกรรมการติดตามเพจการเมืองหรืออะไรเลย เพียงแค่ดูการ์ตูน ดูหนัง ฟังเพลงธรรมดา ตอนนี้เบื้องต้นเราได้เตรียมเงินไว้ 1 แสนบาท เพื่อเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว จากกองทุนช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองที่เขาได้ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าศาลจะตั้งเงินประกันเท่าไหร่

ต่อมา ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัว นางวรรณภา คำพิพจน์ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา หมู่ 9 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาแจกเสื้อสหพันธรัฐไท ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, ม.209 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 แห่งพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 ก.ย.นี้ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อประมาณปี 2557 เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้รับคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล และก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพบว่ามีบุคคลหลายกลุ่มที่มีพฤติการณ์ในการต่อต้านรัฐบาลและคสช.ซึ่งก็ได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีเรื่อยมา ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2561 ฝ่ายข่าวคณะรักษาความสงบแห่งชาติสืบทราบว่านายกฤษณะ อาษาสู้ กับพวกรวม 3 คน (ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว) มีพฤติการณ์ต่อต้านรัฐบาล โดยมีการรวมกลุ่มในชื่อกลุ่มสหพันธรัฐไท ทำการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ โดยพยายามโน้มน้าวประชาชนให้เห็นด้วยในการเปลี่ยนระบอบการปกครองของประเทศไทยจากระบอบประชาธิปไตยฯ ให้เปลี่ยนไปปกครองในระบอบสหพันธรัฐ โดยมีการเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ เช่น การทำเสื้อ,สติ๊กเกอร์ แจกจ่ายให้สมาชิกในกลุ่มและเผยแพร่ใบปลิวไปตามสถานที่ต่างๆ ในลักษณะเผยแพร่แนวคิดของกลุ่มสหพันธรัฐโดยนำไปปิดและแจกจ่ายในสถานที่ต่างๆ และยังมีการวางแผนที่จะทำกิจกรรมต่างๆที่สนับสนุนแนวคิดของกลุ่ม ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จึงอาศัยอำนาจตามคำสั่ง หัวหน้าคณะ คสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เม.ย.2558 เชิญตัวนายกฤษณะ กับพวกรวม 3 คน มาซักถามที่ มทบ.11 ซึ่งผลการซักถาม นายกฤษณะ กับพวกยอมรับว่าได้รวมกลุ่มกันในชื่อกลุ่มสหพันธรัฐไท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ จึงได้รายงานพฤติการณ์และการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาให้รัฐบาลทราบ ซึ่งเห็นว่าการกระทำของนายกฤษณะกับพวก ผิดกฎหมาย จึงมอบหมายให้ผู้กล่าวหามาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และฝ่ายข่าวสืบสวนขยายผลทราบว่า แกนนำองค์กรสหพันธรัฐไทยซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้จัดทำเสื้อดำติดธงสัญลักษณ์และมีนางวรรณภาผู้ต้องหา เป็นบุคคลที่รับเสื้อดังกล่าว จากนางสมพิศ สมบัติหอม มารดาผู้ต้องหา ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มสหพันธรัฐไทที่หลบหนีจากประเทศไทย เข้าไปเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกเพื่อขยายแนวร่วม โดยเดินทางเข้าไปทางจ.หนองคาย ได้รับเสื้อมาแล้ว 3 ครั้ง โดยเดินทางไปเสื้อดังกล่าว แล้วนำมาส่งที่ไปรษณีย์หนองคาย เพื่อส่งให้กับแนวร่วมตามที่อยู่ต่างๆ ส่วนเสื้อที่เหลือนำมาไว้ที่ห้องตัวเองเพื่อรอให้ส่งสมาชิก ตามคำสั่งของนางสมพิศ จนเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบและจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา ยังพบว่ามีการถ่ายภาพใบปลิวข้อความปลุกระดม ตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ย.เวลา 16.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม (กก.1บก.ป.) ได้ร่วมกันจับกุม นางวรรณภา ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2067/2561 ลงวันที่ 11 ก.ย.2561 จากการสอบถามผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน จึงดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ใช่เพื่อแสดงความเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และเป็นอั้งยี่ฯ”เหตุเกิดที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ ต.สำโรงใต้ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนระบุว่า ได้สอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว หากแต่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากจะต้องสอบพยานอีกหลายปาก รอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ประกอบกับเป็นความผิดร้ายแรงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงขออนุญาตฝากขัง

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นางวรรณภา ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไป โดยตีราคาประกัน 200,000 บาท



กำลังโหลดความคิดเห็น