รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ตอน เปิดลับ คำตอบทักษิณจากปักกิ่ง ส่งสัญญาณ เบอร์ 1 เพื่อไทย
ความเคลื่อนไหวช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงตอนนี้ ของทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรี หนีคดีอาญา ที่ยังทรงอิทธิพลต่อการเมืองประเทศไทย เดินทางมาเรียบๆเคียงๆคสช. คือบินมาอยู่ปักกิ่ง ไปฮ่องกง และญี่ปุ่น ขณะนี้แวะมาพักที่สิงคโปร์ จะบอกว่าเที่ยวนี้มาแบบท้าทายทางการไทยคงไม่ผิด
ทักษิณและยิ่งลักษณ์ปรากฎตัวเป็นข่าวให้เห็นตัวเป็นชัดๆจะๆ แต่ทางการไทยที่ขู่เช้าเย็นจะตามจับมาใส่คุก พอเห็นแบบนี้กลับไม่รู้จะออกแอ๊กชั่นท่าไหน ได้แต่มอง ทำตาปริบๆ ทำอะไรทักษิณ/ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ อ้างหลักการรักษาหน้ากันไป
การมาของทักษิณและยิ่งลักษณ์ มีพวกอดีตรัฐมนตรี-อดีตส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่นั่งเครื่องบินไปอวยพร ร่วมฉลองตรุษจีน กับทักษิณ ชินวัตร ที่กรุงปักกิ่งและเกาะฮ่องกงกับคับคั่ง คนเหล่านี้ไปเพื่อสะสมไมล์เก็บแต้มกับทักษิณไว้ เพราะเลือกตั้งกำลังใกล้มาแล้ว
สำหรับประเด็นทางการเมือง ที่ทักษิณคุยอย่างไม่เป็นทางการ แบบทั้งวงเล็ก วงใหญ่กับบรรดานักการเมืองที่ไปพบ เอามาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟังนั้น มีว่า ทักษิณ ประเมิน การเลือกตั้งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด โรดแมปอาจขยับได้อีก แต่ให้คนในพรรคเพื่อไทยเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา และ ทักษิณ ยังเชื่อว่า เพื่อไทย ยังมีโอกาสสูงจะชนะการเลือกตั้ง ไม่มีพลิกล็อก
ในประเด็นสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่หลายคนในเพื่อไทย อยากรู้สัญญาณจาก ทักษิณ คือเรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเอาอย่างไร จะผลักดันคนไหนขึ้นนั่งเบอร์หนึ่ง แล้วจะเคาะชื่อได้เมื่อใด
รวมถึงหากมีการเลือกตั้ง ในการประกาศรายชื่อแคนดิเดท นายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย ตามกฎหมายที่ต้องประกาศช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 3 ชื่อดังกล่าว ทักษิณ เล็ง ใครไว้เป็นพิเศษบ้าง
ทั้งตัวหัวหน้าพรรคและแคนดิเดทนายกฯ3คน ถือเป็นสองเรื่อง ที่นอกจากคนในพรรคเพื่อไทยอยากได้คำตอบ หรือแม้แต่กับฝ่ายตรงข้าม ทักษิณและเพื่อไทย อย่าง คสช. ก็ย่อมอยากรู้แต่เนิ่นๆ เช่นกัน เพื่อจะได้จับทิศทางและประเมินสถานการณ์ได้ถูก
เป็นที่รู้กันว่าสัญญาณที่ชัดที่สุด ต้องฟังจากคนๆ เดียว ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ถ้ารู้จาก ทักษิณ ก็จบ คนอื่นไม่ต้องไปฟัง
โดยวงสนทนาการเมืองที่ปักกิ่งได้มีการพูดถึงชื่อของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมา เป็นเต็งหนึ่งแคนดิเดทหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และน่าจะมีชื่อติด 1ใน 3 แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย
แต่พบว่า สุดารัตน์เป็นชื่อที่พวกอดีตส.ส.เพื่อไทย ไม่ค่อยถูกเอ่ยถึงในทางเป็นบวกให้ทักษิณได้ยินมากนัก ในทางตรงข้ามมีหลายกลุ่มไปฟ้องและประกาศจุดยืนไม่เอาสุดารัตน์เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ด้วยเหตุผลว่า เจ๊หน่อยไม่ค่อยดูแลอดีตส.ส.กลุ่มอื่น เอาแต่เฉพาะคนในคอนโทรลสาย กรุงเทพมหานคร กับอีกหลายเรื่องที่เจ๊หน่อยโดนโจมตีลับหลังต่อหน้าทักษิณ เมื่อ ทักษิณ ได้ข้อมูลจากอดีตส.ส.เพื่อไทยที่ไม่ค่อยปลื้มกับเจ๊หน่อยเต็มหูแบบนี้ จึงประเมินได้ว่าเส้นทางที่จะก้าวมานำพรรคเพื่อไทยของเจ๊หน่อยน่าจะลำบากไม่น้อย
มาที่ชื่ออีกคนหนึ่งที่คาดว่าจะถูกดันมาเป็นเบอร์1 เพื่อไทย คือนายจาตุรนต์ ฉายแสง หลายกลุ่มให้น้ำหนักมากถ้าเจ๊หน่อยพลาดก็ต้องเป็นจาตุรนต์คนนี้ เพราะเคยเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยก่อนถูกตัดสินยุบพรรค แต่ไม่มีใครคาดว่าจะได้รู้ความในใจของทักษิณที่คิดกับจาตุรนต์อย่าซึ่งไม่เหมือนอย่างคนส่วนใหญ่ในพรรคคิดกัน
ทักษิณไม่ลังเลที่จะตอบในกรณีจาตุรนต์ว่า ไม่เคยมีความคิดที่จะดันให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมกับให้เหตุผลแบบชัดเจนว่า จาตุรนต์เป็นคนที่สั่งไม่ได้ โดยย้อนให้วงพูดคุยฟังว่า สมัยที่ให้จาตุรนต์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้ย้ายข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งออกจากตำแหน่ง
ด้วยข้อหาเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จาตุรนต์ฟังแต่ไม่ทำให้ มิหนำซ้ำกลับเลื่อนตำแหน่งข้าราชการคนนั้นให้สูงขึ้นอีก เรื่องนี้ทำให้ทักษิณไม่ให้ราคาจาตุรนต์มาถึงวันนี้ คนในวงสนทนาฟังแล้วก็ตกใจ
เมื่อสุดารัตน์คนในพรรคส่วนใหญ่ไม่เอา จาตุรนต์ดูเข้าท่าแต่สั่งไม่ได้ซึ่งขาดคุณสมบัติที่ทักษิณต้องการไป คนที่เหลือที่อาจจะเป็นตัวเลือกมาเป็นเบอร์หนึ่งเพื่อไทยคนต่อไป ก็คาดกันว่าเป็น นายพงศเทพ เทพกาญจนา ที่มีบารมีทางการเมืองเป็นที่ยอมรับ และยังมีฐานะอยู่เกณฑ์มหาเศรษฐีคนหนึ่ง ส่วนหัวใจก็มีความหนักแน่นมั่งคงกับทักษิณมายาวนาน
และที่จะถูกใจทักษิณ คือพงศ์เทพหัวอ่อนกว่าจาตุรนต์
ประเด็นเรื่อง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดทนายกฯ ของเพื่อไทย สรุปให้เห็นทิศทางได้ว่า จนถึงขณะนี้ ทักษิณ ยังไม่ตัดสินใจ จะเคาะหรือส่งสัญญาณสนับสนุนใครเป็นพิเศษ
ด้วยเหตุผลง่าย ๆคือ ยังไม่มีสัญญาณเลือกตั้ง จึงยังไม่ต้องรีบ รอให้ถึงจังหวะ เคาะมาตูมเดียว ก็จบ
ดังนั้น ทักษิณ จึงเห็นว่า ยังไม่จำเป็นต้องส่งสัญญาณเรื่องหัวหน้าเพื่อไทยในช่วงนี้ เพราะ อาจเกรงว่าจะเกิดปัญหา คลื่นใต้น้ำของกลุ่มก๊วนต่างๆ ในพรรคเพื่อไทยได้ เลยใช้วิธีนิ่งๆไป รอให้ใกล้ๆ เลือกตั้ง ค่อยว่ากันอีกที