xs
xsm
sm
md
lg

หวยอลวน 30 ล้าน จบสิ้นเดือน ก.พ.นี้ “บิ๊กแป๊ะ” มั่นใจออกโรงยัน ชี้หลักฐานถึงใครฟันไม่เลี้ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - หวยอลวน 30 ล้าน จบสิ้นเดือน ก.พ.นี้ “จักรทิพย์” ออกโรงยัน ชี้หลักฐานไม่ไปคนละทิศเหมือน ตร.ภาค 7 มั่นใจคลายทุกข้อครหาที่สังคมจับจ้อง ยกคดีครูจอมทรัพย์เป็นตัวอย่าง ฮึ่มฟันไม่เลี้ยงหากเจ้าหน้าที่มีเอี่ยว ยกกองปราบฯ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย



วันนี้ (13 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เดินทางเข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีหวยอลเวงแย่งสิทธิครอบครองลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ กับนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ที่ต่างฝ่ายต่างออกมายืนยันความเป็นเจ้าของ

โดย พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า อยากขอเวลาสักนิดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง และตอบสังคมได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นกรณีศึกษา เป็นปรากฏการณ์ของสังคม ไม่ใช่เพียงแค่คดีธรรมดาคดีหนึ่ง แต่ต้องมองว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ขณะนี้คดียังไม่ถึงกระบวนการในชั้นศาล แต่ทางจิตวิทยาน่าจะตอบคำถามได้ว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริง ใครพูดความจริง ใครพูดโกหก ในส่วนของการดำเนินการของตำรวจคาดว่าน่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนนี้

พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า สำหรับพยานหลักฐานต่างๆ พนักงานสอบสวน บก.ป.รวบรวมไว้มากพอสมควร ไม่ขอประเมินเป็นตัวเลขว่าคืบหน้าเท่าใด แต่ยืนยันว่าจะทำให้สมบูรณ์ในทุกประเด็น กระจ่างชัดทุกข้อสงสัย รู้ว่าใครผิดใครถูก มีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวบ้าง และทำหน้าที่อย่างไร ใครเป็นตัวการ หรือเป็นผู้ร่วมสนับสนุน ต้องพิจารณาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจเกี่ยวข้อง แต่อาศัยความเป็นพวกพ้อง และเชื่อว่าคนนี้เป็นคนดี จึงออกมาช่วยกัน

พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ที่ผ่านมาคดีลักษณะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นในหลายพื้นที่และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทาง บช.ก.จึงจำเป็นที่จะต้องลงไปทำคดีเพื่อจะได้รู้ว่ามีขบวนการหรือมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ส่วนประเด็นการสืบสวนสอบสวนของ บก.ป.สอดคล้องกับการดำเนินการของตำรวจภูธรภาค 7 หรือไม่นั้น ไม่อยากให้มีการนำไปเปรียบเทียบ ที่ผ่านมาตำรวจ บช.ก.อาจเจอคดีเยอะ หลากหลาย การทำแต่ละคดีต้องระมัดระวัง รอบคอบและละเอียด ส่วนคำให้การของพยานที่ผ่านมาจะขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นไม่ขอเปิดเผย แต่เชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีอยู่ ประกอบกับความรู้ ประสบการณ์ซึ่งมีมากพอที่จะทำให้คดีดังกล่าวมีความชัดเจนขึ้นได้ ส่วนกรณีที่นายปรีชา ได้ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งจะมีผลต่อรูปคดีหรือไม่ ในส่วนนี้ไม่ขอกล่าวถึง ขอกล่าวถึงเพียงคดีที่ตนรับผิดชอบเท่านั้น

“กรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาของประเทศไทยต้องมีการดูแลประชาชนมากว่านี้หรือเปล่า ระบบคัดกรองทั้งตำรวจ ทั้งครู ทั้งพระ ทหาร ตำรวจ ทุกสาขาอาชีพที่จะเข้ามาทำหน้าที่นั้นๆ เพราะทุกคนบอกเป็นคนดีหมดเลย” ผบช.ก.กล่าว

ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้เดินทางมายัง บก.ป.เพื่อร่วมติดตามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ ทั้งนี้ตนได้กำชับทางด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช เกี่ยวกับเรื่องการวางแนวทางสืบสวน และเรื่องของกรอบระยะเวลาที่อยากให้สามารถสรุปผลทางคดีได้ภายในไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ส่วนผลสรุปนั้นให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน และยอมรับว่าบางอย่างอาจจะแตกต่าง แต่ไม่ได้ถึงขนาดไปคนละทิศทางกับผลของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7

“ผมเชื่อมั่นในกองปราบปรามว่ามีประสิทธิภาพจะสามารถเคลียร์ข้อกังขาประชาชนได้ ในความรู้สึกส่วนตัวยอมรับว่าจะเป็นคดีคล้ายกับกรณีครูจอมทรัพย์ ในกรณีนี้ต้องมีคนถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว และหากพบมีคนเกี่ยวข้องในการทำพยานหลักฐานหรือในส่วนที่ไม่ถูกต้องก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจท้องที่หรือไม่ก็ตาม” ผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ยอมรับว่ามีบางส่วน แต่ตนยังคงยังไม่ขอกล่าวถึงเพราะเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัด ทั้งนี้ ยืนยันว่าคดีนี้เมื่อถึงที่สุดแล้วจะต้องมีผู้ถูกดำเนินคดีแน่นอน คล้ายกับคดีครูจอมทรัพย์ ส่วนการที่ตนให้โอนสำนวนคดีมาให้ บก.ป.ก็เนื่องจากมีเหตุผล 3 ส่วน คือ 1. เรื่องของการไม่ได้รับความเป็นธรรม 2. ประชาชนให้ความสนใจ และ 3. มีการกระทำเป็นขบวนการ


กำลังโหลดความคิดเห็น