xs
xsm
sm
md
lg

ดาบตำรวจเอี่ยวพา “ยิ่งลักษณ์” หนี ส่อรอด ผิดแค่ พ.ร.บ.รถยนต์ใช้รถไม่ตรงกับป้ายทะเบียน “โทษแค่ปรับ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ผกก.สน.ปทุมวัน เผย “รถโตโยต้า คัมรี่” คันพา “ยิ่งลักษณ์” หนี มี 2 ป้ายทะเบียนเรียกไฟแนนซ์สอบ พบเจ้าของเดิมเป็นหญิงสาว ขาดส่งค่างวดปี 50 ด.ต.พรพิพัฒน์ ให้การซัด อดีตนายตำรวจระดับสูงนำมาให้ ยันไม่เข้าขายปลอมแปลงเอกสาร เพราะเป็นป้ายทะเบียนจริง ผิดแค่ พ.ร.บ.รถยนต์โทษแค่ปรับ

สืบเนื่องกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจยึด รถโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ จ.สระแก้ว สงสัยว่า พา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีไป ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. พร้อมคุมตัวนายตำรวจเกี่ยวข้องมาสอบสวน ตามเสนอข่าวไปนั้น

วันนี้ (23 ก.ย.) พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนรถทั้ง 2 แผ่นป้าย คือ ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร และ ฌย 2123 พบว่า ป้ายทะเบียนไม่ตรงกับรถโตโยต้า คัมรี่ คันที่ตรวจยึดมา เบื้องต้นจากการตรวจสอบรถคัมรี่ พบว่า เป็นรถที่ติดไฟแนนซ์ของผู้หญิงรายหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2550 ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับใครบ้างหรือแจ้งข้อหาหรือไม่ต้องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นผู้ให้ข้อมูลเท่านั้น สำหรับป้ายทะเบียนทั้ง 2 แผ่นนั้น ออกถูกต้องตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นของรถคันอื่น

รายงานข่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 22 ก.ย. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้คณะทำงาน เข้าดำเนินคดีเกี่ยวกับรถโตโยต้าคันดังกล่าว ต่อ พ.ต.ท.เจริญสิทธ์ จงอิทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน เบื้องต้นจากการตรวจสอบป้ายทะเบียนทั้ง 2 แผ่น ออกจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งแผ่นป้ายเป็นของรถยี่ห้อฮอนด้า แต่เมื่อทำการตรวจสอบเลขตัวถังเครื่อง พบว่า ป้ายทะเบียนจริง คือ สฮ 7093 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถเช่าซื้อ และขาดส่งไฟแนนซ์ ตั้งแต่ปี 2550 โดยมีการเรียกตัวแทนของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง (ไทยพาณิชย์ ลิสซิ่ง) มาสอบปากคำตั้งแต่เมื่อวาน (22 ก.ย.) ทราบว่า มีหญิงสาวมาทำการเช่าซื้อรถคันดังกล่าวไปจากบริษัท เมื่อปี 2550 และขาดส่งประมาณ 3 งวด จึงทำการฟ้องเพื่อขอยึดรถ และให้ไฟแนนช์ ติดตามยึดรถ เมื่อปี 2550 ซึ่งไม่พบทั้งรถและบุคคลเช่าซื้อ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถคันดังกล่าว

รายงานข่าวต่อไปว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จังหวัดนครปฐม ให้การว่า รถคันดังกล่าว ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธร จังหวัดนครปฐม เป็นผู้นำมา ซึ่ง ด.ต.พรพิพัฒน์ ให้การว่า รถคันนี้ มีนายตำรวจระดับสูงเป็นผู้นำมาให้ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีกับใคร เนื่องจากต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งป้ายทะเบียนทั้ง 2 แผ่น ที่พบเป็นของจริง จึงไม่เข้าข่ายการปลอมแปลงเอกสารราชการ แต่การนำป้ายทะเบียนที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก มาให้กับรถอีกครั้งไม่ตรงกัน จะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. รถยนต์ ซึ่งเป็นโทษปรับเท่านั้น ไม่เข้าเกณฑ์คดีอาญา
กำลังโหลดความคิดเห็น