xs
xsm
sm
md
lg

พี่ชายอดีตคนขับรถ “หญิงไก่” ร้องกองปราบฯ วอนตามหาน้องชายหลังหายตัวไร้ร่องรอย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “ทนายสงกานต์” พาพี่ชายอดีตคนขับรถ “หญิงไก่” เข้าให้ข้อมูลตำรวจกองปราบปราม วอนทั้งน้ำตาช่วยตามหาน้องชายหลังหายตัวไร้ร่องรอย รับติดต่อครั้งสุดท้ายช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ขณะที่เหยื่ออีกรายแฉหญิงไก่กับตำรวจประชาชื่นปลอมลายเซ็นในสำนวน ซ้ำรายงานแจ้งแอบอ้างเบื้องสูงเปิดบริษัทหวยและอ้างตนเป็นผู้วิเศษใบ้หวย



วันนี้ (11 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้พานายสมบัติ ขันหิน พี่ชายของนายสุนทร ขันหิน หรือโก้ อายุ 38 ปี ชาว จ.ลพบุรี อดีตคนขับรถของนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางสุชาดา หรือนางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล หรือหญิงไก่ อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาคดีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา, พยายามค้ามนุษย์ และหมิ่นเบื้องสูง หลังจากถูกกลุ่มผู้เสียหายซึ่งล้วนเคยเป็นอดีตลูกจ้างที่เคยทำงานรับใช้นางมณตาถูกแจ้งความดำเนินคดี เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.และ พนักงานสอบสวน บก.ป.ภายหลัง นายสุนทร หรือโก้ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนับตั้งแต่ปี 2555 โดยเป็นไปตามที่ได้ประสานกับทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ไว้แล้ว

นายสงกานต์กล่าวว่า เรามีความห่วงใยในตัวของนายสุนทรว่าอยู่ที่ไหน ที่ผ่านมามักมีข่าวว่านายสุนทรอยู่ที่นั่นที่นี่แต่ปรากฏว่าทางญาติก็ยังไม่พบตัวก็รู้สึกเป็นห่วงมาก วันเดียวกันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะพาพี่ชายของนายสุนทรเข้าพบ พล.ต.ต.ชาญ เพื่อจะได้สอบถามข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าเรื่องราวก่อนที่นายสุนทรจะหายตัวไปนั้นเป็นมาอย่างไร ทั้งนี้ ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยเผยแพร่ข่าวทำให้นายสมบัติได้ทราบเรื่องแล้วก็ออกมาประสานงานเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง เพราะเราห่วงใยในความปลอดภัยของนายสุนทร

ด้านนายสมบัติกล่าวว่า ได้ติดต่อกับน้องชายล่าสุดตั้งแต่เมื่อช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อประมาณปี 2554 โดยน้องชายมาหาตนแล้วบอกว่าได้ลาออกจากงานที่ได้ทำกับนางมณตาแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ซึ่งทางน้องชายบอกกับตนเพียงว่าหากมีอะไรก็จะเป็นฝ่ายติดต่อกลับมาหาเอง ต่อมาหลังจากเขาเริ่มหายไปนานเข้าก็รู้สึกเป็นห่วง จนมีเพื่อนๆ เขาในเฟซบุ๊กออกมาบอกว่าน้องชายตนอยู่ที่นั่นที่นี่ก็ได้ตรวจสอบไปแต่พบว่าไม่ใช่น้องชาย เป็นเพียงคนที่ใบหน้าคล้ายคลึงกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ติดต่อกับหญิงไก่เลยเพราะไม่รู้จัก ทราบเพียงว่าน้องชายตนได้มาทำงานขับรถให้หญิงไก่เท่านั้น ที่ผ่านมาก็ทราบว่าเมื่อมีเวลาว่างจากงานแล้วน้องชายก็จะทำงานพิเศษคือขับแท็กซี่ โดยที่หญิงไก่จะโทรศัพท์มาหาน้องชายตน เวลาต้องการเรียกใช้งานเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายสุนทรกับนางมณตาบ้างหรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่า ไม่มีเลย ส่วนมากเขาจะไม่ค่อยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังมากนัก ก่อนหน้านี้ก็จะมาเยี่ยมเยียนมาคุยกันเรื่องทั่วไป ส่วนสาเหตุที่น้องชายลาออกนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะเขาก็เคยทำงานมาหลายที่ ส่วนเรื่องที่มีตำรวจเคยจับกุมนายสุนทรไปนั้น คงเป็นเรื่องที่น้องชายตนเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมากแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มติดต่อนายสุนทรไม่ได้ ทางญาติได้เข้าแจ้งต่อผู้ใหญ่บ้านไว้แล้วว่านายสุนทรหายออกจากพื้นที่ไปนานจนผิดสังเกต ส่วนครอบครัวของนายสุนทรก็ทราบว่าได้เลิกรากันไปนานแล้ว ตนก็ไม่เคยได้ติดต่อกับภรรยาของน้องชายเลย

“ผมอยากเจอน้องนะ ไม่ได้เจอกันนานหลายปีแล้ว ขอให้ติดต่อกลับมาและดีใจที่สื่อมวลชนช่วยติดตาม หวังว่าจะได้เจอเร็วๆ นี้” นายสมบัติกล่าวทั้งน้ำตา

นายสงกานต์กล่าวเสริมว่า รายละเอียดต่างๆ ในคดีที่นางมณตาถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้นเริ่มงวดเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว นางมณตานั้นเวลาไปไหนมาไหนก็อย่างที่ปรากฏตามสื่อมวลชนว่าจะมอบสร้อยคอทองคำให้คนติดตามคนละ 2 บาท ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้คนที่เคยรับสร้อยคอทองคำดังกล่าวไป เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นทองปลอมทั้งหมด รวมทั้งที่ตนเคยกล่าวไปแล้วว่าร้านทองที่ จ.นครสวรรค์ ก็ได้รับจำนำทองปลอมไปเช่นเดียวกัน แต่บังเอิญว่าภรรยาเจ้าของร้านทองเป็นเพื่อนกับนายจาตุรงค์ สุขเอียด นักข่าวช่อง 3 จึงได้ข้อมูลไปลงบันทึกประจำวันไว้ด้วย

นายสงกานต์กล่าวต่อว่า ขณะนี้พยานหลักฐานต่างๆ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งกรณีของ น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือหนูนา ผู้เสียหายอีกราย อดีตลูกจ้างของนางมณตา วันเดียวกันนี้ก็จะมาแจ้งความเพิ่มเติม กรณีในขณะที่ทำงานกับนางมณตา และได้ถูกพาไปทำหนังสือเดินทาง ทั้งที่เวลานั้นยังเป็นเยาวชน แล้วปรากฏว่าเรื่องก็เงียบหายไป แต่ภายหลังก็พบว่ามีหนังสือเดินทางของ น.ส.จันทนา ส่วนอีกเรื่องที่ผ่านมา คือเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาซึ่งตนได้พาผู้เสียหายเข้าพบ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาการ ผบช.น. ทางนางสุกัลยา ศิริม่วง อีกหนึ่งผู้เสียหายก็ได้เห็นข้อเท็จจริงในสำนวนคดีที่ สน.ประชาชื่นนั้น ปรากฏว่าไม่ใช่ลายเซ็นของนางสุกัลยา โดยมีลายมือของนางสุกัลยาเพียงฉบับเดียวเป็นฉบับที่เขียนด้วยลายมือทั้งฉบับ

“ในประเด็นนี้ก็จะให้นางสุกัลยาเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติม และขอให้ทางตำรวจกองปราบปรามได้ส่งลายมือชื่อของนางสุกัลยาไปตรวจยังกองพิสูจน์หลักฐาน เนื่องจากชื่อของนางสุกัลยาจะเป็นเอกลักษณ์อยู่ จะสะกดยาก ถ้าคนที่ไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าสะกดอย่างไร ซึ่งในสำนวนการสอบสวนของตำรวจนั้นก็สะกดคนละเรื่องเลย จึงมีการพูดคุยกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปิดโปงพฤติกรรมดังกล่าวและประเด็นนี้คงจะต้องให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับทราบ และต้องมีการพานางสุกัลยามาเขียนลายมือชื่อต่อหน้าพนักงานสอบสวน เขียนประมาณ 10 ฉบับ เพื่อพิสูจน์ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ก็น่าจะทราบผลว่าลายมือชื่อนั้นมีการปลอมหรือไม่” นายสงกานต์กล่าว

ขณะที่ น.ส.จันทนา หรือหนูนา กล่าวว่า เมื่อครั้งที่ตนเข้าทำงานกับนางมณตาเมื่อปี 2551 ก็พบกับนายสุนทรแล้ว ทุกครั้งที่นางมณตาจะเดินทางไปไหนมาไหน นายสุนทรก็จะเป็นคนขับรถพาไปเสมอ เคยเห็นทั้งสองมีปัญหากันในเรื่องของการจ่ายเงินเดือน โดยนางมณตามักจะจ่ายเงินเดือนไม่ตรงบ้าง หรือไม่ครบบ้าง นอกจากนี้ก็มักจะดุด่านายสุนทรเสมอ อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ตนเจอนายสุนทรคือเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ก่อนที่ตนจะถูกคุมตัวเข้าเรือนจำในคดีที่นางมณตาแจ้งความว่าตนลักทรัพย์ ทั้งนี้นอกจากมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลเรื่องหนังสือเดินทางที่ทางตำรวจตรวจพบภายในห้องพักคอนโดมิเนียมย่านประชานิเวศน์ 1 ของนางมณตา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชื่อตนก็ขอยืนยันว่าขณะที่ทำงานกับนางมณตาเคยถูกพาไปทำหนังสือเดินทางจริง แต่เพราะยังเป็นเยาวชนจึงต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ก่อน เมื่อพ่อแม่ตนไม่ยินยอมก็ทำไม่ได้ จากนั้นนางมณตาก็ขอสำเนาบัตรประชาชนพ่อและแม่ของตน แต่ไม่ได้เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องไปให้ ไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ทำอะไร ทั้งนี้ ทุกครั้งที่เดินทางไปประเทศลาว และกัมพูชาก็จะใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวเท่านั้น

มีรายงานว่าสำหรับคดีของหญิงไก่ ที่ถูกดำเนินคดีใน ม. 112 นั้น มีพยานปากสำคัญ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน พร้อมมอบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับพฤติกรรมของหญิงไก่ ว่าเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน โดยมักแอบอ้างว่า มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้านายในสถาบันเบื้องสูง รวมทั้งได้เปิดบริษัทธุรกิจเกี่ยวกับการทำหวย ชื่อบริษัทริชชัวร์ 111 (RICHSURE 111) ตั้งอยู่เลขที่ 159/4 ถ.เทศบาลนิมิตรเหนือ 34 แขวง ลาดยาว เขต จตุจักร ซึ่งขณะนี้ได้ปิดให้ทำการแล้ว ทั้งนี้ในระหว่างที่หญิงไก่ได้เปิดบริษัทดังกล่าว พยานปากสำคัญเล่าว่าหญิงไก่มักอวดอ้างว่ารู้จักและสนิทสนมกับสถาบัน และมักจะอวดอุตริว่ามีญาณวิเศษสามารถที่จะให้เลขเด็ดได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย รวมทั้งได้ประกาศผ่านเพจในเฟสบุ๊ก ชื่อเพจ “รวยแน่นอน” อวดอ้างสรรคุณการใบ้หวย โดยใช้ชื่อท่านแม่สุชาดา ซึ่งมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก อีกทั้งหลังเกิดเรื่องก็ได้ปิดตัวลง และยังมีพฤติกรรมการจ่ายเช็คเด้งเป็นค่าเช่าบริษัทให้กับทางเจ้าของอาคารอีกด้วย

มีรายงานอีกว่า ภายหลังจากการนำเสนอข่าวการจับกุมตัวหญิงไก่ หรือนางมณตา หยกรัตนกาญ แพร่ออกไปนั้น มีผู้เสียหาย พยาน ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าทีตำรวจหลายราย

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าในกรณีที่ปรากฏข่าวของเศรษฐีนี ใน อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่นางไก่ไปอ้างว่าเป็นลูกสาวของอดีตสามีที่เลิกรากับเศรษฐีนี คนดังกล่าวไปแล้ว พร้อมระบุว่าต้องการซื้อที่ดินจำนวน 8 ไร่ มูลค่า 8 ล้าน เมื่อปี 2546 นั้น ทางญาติของเศรษฐีนีคนดังกล่าว ยืนยันว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2546 ที่เศรษฐีนีได้หายตัวไปนั้น นางไก่เดินทางไปรับถึงบ้าน พร้อมทั้งยังมีรถตำรวจท่องเที่ยวนำขบวนไปด้วย นั้น ทางพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท.กล่าวว่า ตนได้ทำการโทรศัพท์ไปซักถามทางนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ถึงข้อมูลดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลที่ประชาชนเขียนร้องเรียนมา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2546 ซึ่งขณะนั้นตนยังไม่ได้มาดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้ขอยืนยันในฐานะผบก.ทท. ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในยุคของตนไม่มีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากทนายสงกานต์มีหลักฐานหรือข้อมูลใดๆมามอบให้ก็พร้อมจะตรวจสอบหาข้อเท็จจริงทันที อย่างไรก็ตามการนำเสนอข่าวดังกล่าวทำให้หน่วยงานมาความเสียหายอย่างมาก

นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับเมื่อเช้าที่พานายสมบัติ พี่ชายนายโก้ที่หายสาปสูญมาร้องทุกข์พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนั้น เบื้องต้นหลังสอบปากคำ เพื่อหาว่าครั้งสุดท้ายนายโก้อยู่กับใคร ใครพบเจอบ้าง พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวัน ก่อนพิสูจน์ทราบตัวนายโก้ ในฐานะบุคคลต้องสงสัยว่าอาจจะสาปสูญต่อไป

นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า อยากขอบคุณไปยังพล.ต.ต.ทรงพล วัฒนะชัย รองโฆษกตร.ที่ให้ความสำคัญกับคดีของนางสุกัลยา ศิริม่วง อดีตลูกจ้างนางไก่ และที่เพิ่งได้รับการประกันชั่วคราวนั้น โดยทางนางสุกัลยายืนยันว่าเคยเขียนและเซ็นด้วยลายมือตัวเองเพียงครั้งเดียวและแผ่นเดียวเท่านั้น แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีลายเซ็นปรากฏในสำนวนอีกหลายแผ่นอย่างไรก็ตามวันศุกร์ที่ 15 หรือวันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคมนี้ นางสุกัลยาจะเข้ามายังบก.ป.เพื่อเขียนลายมือชื่อลงในกระดาษ เอ4 จำนวน 10-15 แผ่นต่อหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อให้ส่งพิสูจน์ไปยังพฐ.พิสูจน์ความจริงต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น