“บิล มรดกครู” เซียนพระเครื่อง แจ้งจับน้องสาวและน้องเขยตัวแสบแอบขโมยเครื่องนับพันรายการไปขาย มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท โดยนำชื่อไปแอบอ้างและประกาศขายทางเว็บไซต์
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่ สน.บึงกุ่ม นายวิวัฒน์ ทองประเสริฐ อายุ 40 ปี หรือบิล มรดกครู เซียนพระเครื่อง เดินทางเข้าแจ้งความและยื่นรายชื่อพระเครื่องที่ถูกขโมยไปต่อ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ ลีลาเลิศสุริยะ พงส.ผนพ.สน.บึงกุ่ม หลังถูกนางสุธาทิพย์ วุฒิวรางค์กูล อายุ 35 ปี น้องสาว ที่ได้นำเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และบัญชีธนาคารไปแอบอ้างหลอกลวง โดยก่อนหน้านี้ตนเคยมาแจ้งความไว้ที่ สน.บึงกุ่ม กรณีถูกนางสุธาทิพย์ กับนายวุฒิชัย ภักดี น้องเขย ขโมยพระเครื่อง เช่น พระสายวัดปากน้ำภาษีเจริญ พระของขวัญวัดปากน้ำ หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน และอีกหลายรายการรวมกว่า 1,000 องค์ นำไปขายมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
นายวิวัฒน์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนและนายสมเกียรติซึ่งเป็นคนขับรถ ได้ขับรถแท็กซี่เพื่อไปกราบพระหลวงปู่บู่ ที่วัดสุมังคลาราม จ.สกลนคร แต่ประสบอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกับรถเครนระหว่างการเดินทางได้รับบาดเจ็บเข้ารับรักษาตัวที่ห้องไอซียู รพ.โคราช โดยนางสุธาทิพย์น้องสาวเป็นผู้ดูแลเอกสารการรักษาพยาบาลทั้งหมด ต่อมาภายหลังตนได้ย้ายเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาในการพักรักษาตัวเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วน้องสาวหลอกว่ามีคนหมายจะเอาชีวิต ตนจึงหลบหนีไปอยู่ที่อื่น จนกระทั่งวันที่ 19 มี.ค. 2558 ได้กลับมาที่ห้องพักเลขที่ 256 ชั้น 3 ลุมพินีคอนโด ซ.เสรีไทย 19 แขวงบึงกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. พบว่าพระเครื่องกว่า 1,000 รายการ รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาทได้หายไป จึงได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.บุญเชิด ศรีกอง พงส.ผนก.สน.บึงกุ่ม เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่านางสุธาทิพย์ น้องสาว และนายวุฒิชัยได้นำพระไปขาย จากการสอบถามจากเพื่อนในวงการพระที่ตลาดท่าพระจันทร์พบว่ามีการนำพระเครื่องของตนไปปล่อยขายลงในเว็บไซต์ของตนเองโดยแอบอ้างชื่อของตน และบอกกับกลุ่มลูกค้าว่าตนป่วยเป็นอัมพาตและมอบอำนาจการซื้อขายเป็นของตัวเองแล้ว
นายวิวัฒน์กล่าวอีกว่า ราคาพระที่ขายจะถูกกว่าความเป็นจริงหลายเท่า หากเป็นการซื้อขายแบบโอนเงิน ลูกค้าจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีของตน แต่น้องสาวเป็นคนถอนออกไปโดยใช้หลักฐานเอกสารจากสำเนาบัตรประชาชน และสมุดบัญชีธนาคารของตนสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังไปหลอกลวงนายสมเกียรติคนขับรถที่ประสบอุบัติเหตุด้วยกันว่าตนจะเอาเรื่องและเรียกเงินจากนายสมเกียรติจำนวน 90,000 บาท ตนจึงต้องเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันการนำชื่อของตนเองไปแอบอ้างหลอกลวงผู้อื่นอีก
พ.ต.ท.บุญเชิดกล่าวว่า จากการตรวจสอบชื่อนางสุธาทิพย์ พบว่ามีประวัติอาชญากร และหมายจับคดีฉ้อโกงต่างๆ อยู่ แต่กรณีดังกล่าวทั้งสองเป็นเครือญาติกันจึงจะทำการออกหมายเรียกนางสุธาทิพย์กับนายวุฒิชัยมาสอบปากคำก่อน 2 ครั้ง หากยังไม่มาเข้าพบจะทำการออกหมายจับต่อไป