ทันทีที่ย้ายมารับตำแหน่งผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (ผกก.ปพ.บก.ป.) คุมกำลังคอมมานโด สายตรวจ มีอำนาจทั่วประเทศไทย เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า “ผู้กำกับประเทศไทย” พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ก็ถูกจับตามองด้วยสายตาค่อนแคะมาตลอดว่าเป็น “เด็กนาย-เด็กเส้น”
กระทั่งวันที่เขานำลูกน้องจับกุม “กำนันเป๊าะ” หรือนายสมชาย คุณปลื้ม ก็อดฟาเธอร์แห่งภาคตะวันออก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 324/2555 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2555 ข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อมาชดใช้โทษทัณฑ์ที่ก่อได้
สายตาหลายคู่ก็เริ่มยอมรับว่า “นายตำรวจคนนี้ไม่ธรรมดา” กล้าชนกับผู้มีอิทธิพล แถมยังมีลูกชายเป็นถึงรัฐมนตรี
พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล กล่าวถึงเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ที่ใช้ในการพิชิตกำนันเป๊าะว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการศึกษาวิจัยพบปัญหาในการสืบสวนของตำรวจไทยนั้นมีเทคนิคการสืบสวนหลายเรื่องที่ตำรวจจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้ทันกับตำรวจในระดับสากล เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรม การรักษาสถานที่เกิดเหตุ การตรวจสถานที่เกิดเหตุ การจัดการด้านข้อมูลอาชญากรรม การสะกดรอยติดตาม การอำพราง ซึ่งความอ่อนด้วยในเทคนิคเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดปัญหาที่ตามมา เช่น ปัญหาการสืบสวนค้นหาความจริงที่ส่งผลให้นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญที่เป็นตัวการใหญ่ไม่ได้ อีกทั้งยังเกิดปัญหาการจับผิดตัว
จับแพะขังคุกฟรี! อย่างที่เคยเป็นข่าวมาแล้วหลายคดี
ส่วนความพร้อมของตำรวจไทยในการรับมือประชาคมอาเซียนนั้น ผกก.ปพ.บก.ป.บอกว่า เราจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทั้งเรื่องสิทธิต่างๆ ของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก สิทธิสตรี สิทธิชุมชน ที่ตำรวจเราไม่รู้ ไม่คุ้นเคย นอกจากนี้ยังมีการไหลเข้า-ออกของประชากรประเทศเพื่อนบ้าน การแลกเปลี่ยนทางแนวคิด วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ฯลฯ
“ตำรวจจะปกป้องคุ้มครองคนไทยอย่างไร ทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหายาเสพติดข้ามชาติ รวมทั้งอาชญากรรมเฉพาะทางอื่นๆ เช่น อาชญากรรมทางการเงิน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้จะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย ซึ่งตำรวจต้องพัฒนาแนวทางการสืบสวนของตำรวจ ให้มีคุณภาพและมีความเป็นสากล” พ.ต.อ.อธิปกล่าว
พ.ต.อ.อธิปกล่าวถึงเทคนิคที่ใช้พิชิตกำนันเป๊าะว่า ก่อนหน้านี้ทาง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานกับทีมงานตำรวจระดับโลกมาแล้วมากมาย ได้พยายามยกระดับตำรวจนักสืบของ บช.ก.ให้มีความรู้ความสามารถทัดเทียมกับตำรวจในระดับโลก จึงได้เชิญอดีตนายตำรวจต่างประเทศฝีมือดีหลายท่าน มาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับ ผบช.ก.เอง และฝึกการทำงานที่เป็นสากล มีการนำความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการสืบสวน ตลอดจนคัดเลือกตำรวจฝีมือดีของ บช.ก.ไปฝึกอบรมการสืบสวนจากนักสืบชั้นนำของโลกในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา แล้วนำมาถ่ายทอดความรู้ที่มีให้แก่ตำรวจรุ่นน้องๆ
ทีมตำรวจนักสืบของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะทำงานกันอย่างมืออาชีพ ไม่เปิดเผยตัว ทำงานอยู่ลับๆ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น
เป็นพวกประเภทชอบปิดทองหลังพระ
ส่วนเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ที่ทีมงานนักสืบของ บช.ก.ใช้อยู่นี้ เป็นการทำงานสืบสวนที่ คุณภาพจริงๆ เพราะทำงานบนหลักการที่ถูกต้อง ชัดเจน ไม่กลัวการตรวจสอบใดๆ สามารถสืบสวนหาผู้กระทำผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ไม่ว่าจะทำผิดไว้อย่างไร ก็สามารถแกะรอยออกมาได้ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
เพราะอย่าลืมว่าอาชญากรรมทุกประเภทย่อมทิ้งร่องรอยไว้
“ดังนั้น หากสามารถทำการฝึกอบรมให้ตำรวจไทยได้มีความรู้เกี่ยวกับการสืบสวนสมัยใหม่ได้ทั่วประเทศ มั่นใจว่าการสืบสวนของตำรวจไทย จะพัฒนาขึ้นกว่าเดิมไปไกลทีเดียว” ผกก.ปพ.บก.ป.กล่าวด้วยแววตาเชื่อมั่น
พ.ต.อ.อธิปยังบอกด้วยว่า ในคดีสำคัญๆ ต่อไปนี้ การสืบสวนสมัยใหม่มีความจำเป็นมาก เพราะยิ่งเป็นคดีสำคัญ ประชาชนก็ยิ่งให้ความสนใจ การตรวจสอบก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งตำรวจจะทำงานด้วยวิธีการเดิมๆ ไม่ได้ เพราะต้องพบกับการตรวจสอบ ทั้งจากสังคมและจากสื่อมวลชน แต่ด้วยเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่นี้ สังคมและสื่อมวลชนสามารถตรวจสอบได้ เพราะมีความโปร่งใส มีหลักวิชาการยืนยันทุกขั้นตอน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของตำรวจมีคุณภาพมากขึ้น ประชาชนและสังคมก็เชื่อถือ สามารถจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญมาดำเนินคดีได้
ซึ่งกำนันคนดังแห่งภาคตะวันออกที่หนีคดีก็ถูกจับเข้าซังเตชดใช้ผลกรรมที่ก่อ ก็ด้วยเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่นี้เอง!
