สามีเก่าแค้นรัก ภรรยาทิ้งถิ่นหนีเข้ามาทำงานเป็นสาวฉันทนา ย่านเจริญกรุง ก่อนใช้มีดกระหน่ำแทงพรุน 30 แผล ไม่หนำใจใช้มีดปลายแหลมปักคาอวัยวะเพศ รับสารภาพ แค้นที่แอบมีชู้ และหนีมาอยู่กทม.
วันนี้ (8 เม.ย) พ.ต.ท.อุดม วงค์แก้ว สารวัตรสอบสวนสน.วัดพระยาไกร รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายเสียชีวิต ภายในซอยประดู่ 45 ถนนเจริญกรุง 107 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม จึงรุดไปตรวจที่สอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้นตั้งอยู่เลขที่ 607/131-2 เปิดกิจการโรงงานเย็บเสื้อยืด หจก.วรรณกิจ มาร์เกตติ้ง ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง นอนอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้านดังกล่าว สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงขาสามส่วน ถูกแทงบริเวณลำตัวประมาณ 30 แผล บริเวณหน้าอก 20 แผล บริเวณ ใบหน้า 6 แผล บริเวณคอด้านซ้าย 2 แผล บริเวณหลัง 4 แผล และมีมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต ปักอยู่ที่อวัยวะเพศ มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ทราบชื่อในภายหลังคือนางฉวีวรรณ บุญจริง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.4 ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นพนักงานของโรงงานดังกล่าว ส่วนผู้ก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่าเป็นสามีเก่า ชื่อนายทองบาง นนทพต อายุ 35 อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.4 ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ หลังก่อเหตุยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.ท.อุดม กล่าวภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่ามีปัญหาในเรื่องชู้สาว ก่อนหน้านี้โดยภรรยาได้หลบหนีจากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เมื่อนายทองบาง ทราบที่อยู่จึงตามมาและด้วยความหึงหวง จึงใช้อาวุธมีดแทง ส่วนสาเหตุที่แท้จริงยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
ภายหลังตำรวจควบคุมตัวมาโรงพัก นายทองบางให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือสังหารโหดนางฉวีวรรณ ผู้ตาย ซึ่งเป็นภรรยาจริง โดยก่อนหน้านี้ ได้อยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนางฉวีวรรณจนมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน อายุ 14 กับ 8 ขวบ แต่เมื่อประมาณปลายปี 2546 จับได้ว่า นางฉวีวรรณ แอบมีชู้ จึงได้ต่อว่าต่อขาน พร้อมยื่นข้อเสนอให้เลิกพฤติกรรม แต่ภรรยาไม่เลิก จนมีปากเสียงกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ
นายทองบางให้การอีกว่า ต่อมา เมื่อเดือนพ.ค. 2547 นางฉวีวรรณได้หลบหนีออกจากบ้าน แต่ไม่ทราบว่าหนีไปที่ไหน จากนั้นจึงได้เข้ามาทำงานยังกทม. โดยเป็นยามรักษาความปลอดภัยของบริษัท ปาร์ค อเวย์นิว เซอร์วิส แอนด์ ดีเวสเมนท์ จำกัด จากนั้นถูกส่งมาประจำที่บริษัท เรดดราม่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท อาร์เอส โปรโมชั่น จำกัด และหลังจากทำงานได้ประมาณ 8 เดือน จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา(7 เม.ย.) มีเพื่อนโทรศัพท์มาพร้อมกับถามว่า อยากรู้ว่านางฉวีวรรณ อยู่ที่ไหนให้โทรกลับไปหา ซึ่งเมื่อโทรกลับหา เพื่อนคนดังกล่าวจึงบอกที่อยู่ให้
ผู้ต้องหารายนี้ให้การต่อว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจไปหานางฉวีวรรณ โดยไปนั่งรอที่ป้อมยามของบริษัทที่เกิดเหตุ และซื้อเบียร์มาดื่มไป 3 กระป๋อง ต่อมา เห็นน้องสาวนางฉวีวรรณ กับลูกสาวคนเล็กของตนเดินเข้าไปในโรงงาน จึงหาช่องทางแอบตามเข้าไป และเมื่อนางฉวีวรรณเดินลงมาจากที่ทำงาน จึงเดินตรงรี่เข้าไป เพื่อขอพูดคุยด้วย แต่นางฉวีวรรณไม่ยอม กลับโวยวาย ประกอบกับด้วยความเมาและความแค้นที่จับได้ว่านางฉวีวรรณแอบมีชู้มาตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ที่จ.อำนาจเจริญ จึงคว้ามีดที่เตรียมมากระหน่ำแทงเข้าร่างนางฉวีวรรณไม่ยั้ง สุดท้ายได้ใช้มีดด้ามเดียวกัน แทงเข้าที่อวัยวะเพศและใช้เท้ายันด้ามมีดจนมิด จากนั้น ได้เข้าไปล้างมือในห้องน้ำ และโทรศัพท์เรียกตำรวจ 191 มาจับกุมตนเอง
ด้านนางยุวดี เพ็ญเขตกิจ ยามรักษาความปลอดภัยของหจก.วรรณกิจ มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นน้องสาวกับลูกสาวผู้ตายเดินเข้ามาในบริษัท และเมื่อผู้ตายลงมาจากชั้น 2 ขณะนั้น มีรถส่งสินค้าจอดอยู่ เมื่อรถขับออกไป ผู้ต้องหา ก็วิ่งสวนรถเข้ามา และคว้ามีดเข้าไปไล่แทงผู้ตาย ท่ามกลางความตกใจของคนในบริษัท
นางจำปี สายวรรณ อายุ 43 ปี ญาติผู้ตายกล่าวว่า มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตายที่ทำงานอยู่แผนกแพ็กของ โดยผู้ตายกับผู้ต้องหาได้เลิกลากันมาประมาณ 3 ปี เพราะผู้ตายทนพฤติกรรมของผู้ต้องหาไม่ไหว เนื่องจากเป็นนักพนันตัวยง จนได้ฉายาว่า “เซียนอ้อ” และก่อนที่จะเลิกกัน ผู้ต้องหาเคยขู่ว่า เลิกได้ แต่หากไปมีสามีใหม่ จะตามไปฆ่า แต่ตัวเองมีได้ นางฉวีวรรณห้ามมี กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา มีคนโทรศัพท์มาบอกว่า ให้ไปบอกกับผู้ตายว่า ให้ระวังตัวให้ดี ซึ่งเชื่อว่า น่าจะเป็นผู้ต้องหาที่โทรศัพท์มาขู่ จึงรีบมาบอกกับผู้ตาย แต่ก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นจนได้
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหานายทองบาง ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ก่อนจะควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (8 เม.ย) พ.ต.ท.อุดม วงค์แก้ว สารวัตรสอบสวนสน.วัดพระยาไกร รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายเสียชีวิต ภายในซอยประดู่ 45 ถนนเจริญกรุง 107 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม จึงรุดไปตรวจที่สอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้นตั้งอยู่เลขที่ 607/131-2 เปิดกิจการโรงงานเย็บเสื้อยืด หจก.วรรณกิจ มาร์เกตติ้ง ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง นอนอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้านดังกล่าว สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงขาสามส่วน ถูกแทงบริเวณลำตัวประมาณ 30 แผล บริเวณหน้าอก 20 แผล บริเวณ ใบหน้า 6 แผล บริเวณคอด้านซ้าย 2 แผล บริเวณหลัง 4 แผล และมีมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต ปักอยู่ที่อวัยวะเพศ มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ทราบชื่อในภายหลังคือนางฉวีวรรณ บุญจริง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.4 ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นพนักงานของโรงงานดังกล่าว ส่วนผู้ก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่าเป็นสามีเก่า ชื่อนายทองบาง นนทพต อายุ 35 อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.4 ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ หลังก่อเหตุยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.ท.อุดม กล่าวภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่ามีปัญหาในเรื่องชู้สาว ก่อนหน้านี้โดยภรรยาได้หลบหนีจากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เมื่อนายทองบาง ทราบที่อยู่จึงตามมาและด้วยความหึงหวง จึงใช้อาวุธมีดแทง ส่วนสาเหตุที่แท้จริงยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
ภายหลังตำรวจควบคุมตัวมาโรงพัก นายทองบางให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือสังหารโหดนางฉวีวรรณ ผู้ตาย ซึ่งเป็นภรรยาจริง โดยก่อนหน้านี้ ได้อยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนางฉวีวรรณจนมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน อายุ 14 กับ 8 ขวบ แต่เมื่อประมาณปลายปี 2546 จับได้ว่า นางฉวีวรรณ แอบมีชู้ จึงได้ต่อว่าต่อขาน พร้อมยื่นข้อเสนอให้เลิกพฤติกรรม แต่ภรรยาไม่เลิก จนมีปากเสียงกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ
นายทองบางให้การอีกว่า ต่อมา เมื่อเดือนพ.ค. 2547 นางฉวีวรรณได้หลบหนีออกจากบ้าน แต่ไม่ทราบว่าหนีไปที่ไหน จากนั้นจึงได้เข้ามาทำงานยังกทม. โดยเป็นยามรักษาความปลอดภัยของบริษัท ปาร์ค อเวย์นิว เซอร์วิส แอนด์ ดีเวสเมนท์ จำกัด จากนั้นถูกส่งมาประจำที่บริษัท เรดดราม่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท อาร์เอส โปรโมชั่น จำกัด และหลังจากทำงานได้ประมาณ 8 เดือน จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา(7 เม.ย.) มีเพื่อนโทรศัพท์มาพร้อมกับถามว่า อยากรู้ว่านางฉวีวรรณ อยู่ที่ไหนให้โทรกลับไปหา ซึ่งเมื่อโทรกลับหา เพื่อนคนดังกล่าวจึงบอกที่อยู่ให้
ผู้ต้องหารายนี้ให้การต่อว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจไปหานางฉวีวรรณ โดยไปนั่งรอที่ป้อมยามของบริษัทที่เกิดเหตุ และซื้อเบียร์มาดื่มไป 3 กระป๋อง ต่อมา เห็นน้องสาวนางฉวีวรรณ กับลูกสาวคนเล็กของตนเดินเข้าไปในโรงงาน จึงหาช่องทางแอบตามเข้าไป และเมื่อนางฉวีวรรณเดินลงมาจากที่ทำงาน จึงเดินตรงรี่เข้าไป เพื่อขอพูดคุยด้วย แต่นางฉวีวรรณไม่ยอม กลับโวยวาย ประกอบกับด้วยความเมาและความแค้นที่จับได้ว่านางฉวีวรรณแอบมีชู้มาตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ที่จ.อำนาจเจริญ จึงคว้ามีดที่เตรียมมากระหน่ำแทงเข้าร่างนางฉวีวรรณไม่ยั้ง สุดท้ายได้ใช้มีดด้ามเดียวกัน แทงเข้าที่อวัยวะเพศและใช้เท้ายันด้ามมีดจนมิด จากนั้น ได้เข้าไปล้างมือในห้องน้ำ และโทรศัพท์เรียกตำรวจ 191 มาจับกุมตนเอง
ด้านนางยุวดี เพ็ญเขตกิจ ยามรักษาความปลอดภัยของหจก.วรรณกิจ มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นน้องสาวกับลูกสาวผู้ตายเดินเข้ามาในบริษัท และเมื่อผู้ตายลงมาจากชั้น 2 ขณะนั้น มีรถส่งสินค้าจอดอยู่ เมื่อรถขับออกไป ผู้ต้องหา ก็วิ่งสวนรถเข้ามา และคว้ามีดเข้าไปไล่แทงผู้ตาย ท่ามกลางความตกใจของคนในบริษัท
นางจำปี สายวรรณ อายุ 43 ปี ญาติผู้ตายกล่าวว่า มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตายที่ทำงานอยู่แผนกแพ็กของ โดยผู้ตายกับผู้ต้องหาได้เลิกลากันมาประมาณ 3 ปี เพราะผู้ตายทนพฤติกรรมของผู้ต้องหาไม่ไหว เนื่องจากเป็นนักพนันตัวยง จนได้ฉายาว่า “เซียนอ้อ” และก่อนที่จะเลิกกัน ผู้ต้องหาเคยขู่ว่า เลิกได้ แต่หากไปมีสามีใหม่ จะตามไปฆ่า แต่ตัวเองมีได้ นางฉวีวรรณห้ามมี กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา มีคนโทรศัพท์มาบอกว่า ให้ไปบอกกับผู้ตายว่า ให้ระวังตัวให้ดี ซึ่งเชื่อว่า น่าจะเป็นผู้ต้องหาที่โทรศัพท์มาขู่ จึงรีบมาบอกกับผู้ตาย แต่ก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นจนได้
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหานายทองบาง ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ก่อนจะควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
