ในสถานการณ์
ท่าบางลำพู
กระแสข่าววีซีดีปาร์ตี้มั่ว-ฉาว ซึ่งตกเป็นคดีความกันอยู่ในขณะนี้ ยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร หลังปรากฏภาพ "โจอี้ บอย" หรือนายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต นักร้องวงแร๊พชื่อดัง โดดเข้าไปร่วมงานท่ามกลางวงล้อมสาวโป๊เปลือย ที่บรรจงแสดงท่าร่วมเพศโชว์กันอย่างโจ๋งครึ๋ม!!
คำถามจึงมีตามมาว่า.. เหตุใดวีดีซีอื้อฉาว มักจะมีดารา-นักแสดงเข้าไปเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ และมักจะถูกนำมาเสนอในแง่ลบ ?.... หรือเพราะดาราตกเป็นเหยื่อ ขบวนการผลิตและจำหน่ายแผ่นวีซีดี โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะแม้แต่"โจอี้ บอย" ยังออกมายอมรับว่า
"ภาพในวีซีดีนั้นเป็นตัวเขาเอง แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2544 และตัวเองถูกเชิญไปร้องเพลงในงานวันเกิดของเพื่อน แต่อยู่ในงานไม่ถึงชั่วโมง เพราะเห็นรูปการณ์งานมีผู้หญิงโป๊เปลือย จึงอยากเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนรวมถึงอยากขอโทษทุกคนที่เอาตัวเข้าไปในที่อโคจร หากย้อนเวลากลับได้คงเอาตัวออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุด"
ถือว่าเป็นการยอมรับ ที่น่าให้อภัย เพราะพลาดพลั้งโดยขาดเจตนา แต่ที่กลับเป็นข่าวโด่งดังเพราะ “โจอี้ บอย” เป็นดารานักร้องเป็นแบบอย่างของเยาวชน จึงกลายเป็นบุคคลสาธารณะที่มิอาจปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ความพลาดพลั้งครั้งนี้ จึงเป็นบทเรียนที่ส่งผลกระทบต่อชื่อสียงบ้าง แต่สังคมส่วนใหญ่ยังให้อภัย
วีซีดีอื้อฉาวของ”โจอี้ บอย” จึงไม่ต่างจากกรณี "น้องแนท" เกศรินทร์ ชัยเฉลิมพล นางเอกหนังแผ่นจากเรื่องเธอชื่อแอนและโมรา มีเพียงน้อยคนนักที่รู้จักเธอก่อนหน้านี้ แต่หลังจากวีดีซีน้องแนทฉากเอ็กซ์ ถูกเผยแพร่ในภาพร่วมเพศกับชายหนุ่มชาวชาวต่างชาติอย่างพริกถึงขิง จนตกเป็นคดีความ ถือเป็นปรากฏการณ์หน้าใหม่ ในวงการหนังแผ่น เพราะไม่เพียงแต่"น้องแนท" จะตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว มีน้อยคนจะไม่รู้จักเธอหรือไม่เคยดูหนังแผ่นชิ้นนี้
ฉากเปลือยพิศวาส เมื่อครั้ง “น้องแนท” ตกเป็นจำเลยต่อสังคม ถูกเล่าขานกันปากต่อปาก จนกระทั่งเจ้าตัวออกมายอมรับว่าถูกโมเดลลิ่งกะเทยเฒ่าหลอก เพราะสัญญากันว่าจะไม่นำภาพดังกล่าวนำมาเผยแพร่ที่เมืองไทย กระแสสังคมที่รู้สึกเกลียดชังก่อนหน้านี้ จึงเริ่มคลายกระแสไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ที่ต้องหยิบยกทั้งสองเหตุการณ์มากล่าวอ้าง เพราะพฤติกรรมในเชิงลบที่เห็นวีดีซี โดยใช้เหยื่อซึ่งเป็นคนในวงการมายา นำมาเป็นจุดขาย สุดท้ายจึงต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการผลิตและจำหน่ายหนังแผ่น โดยไม่ตั้งใจ
คดี”โจอี้บอย” จะเงียบหายไปอย่างคดี “น้องแนท”หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป กระบวนการทาง กฎหมายที่จะพิสูจน์ว่าเข้าข่ายอนาจารหรือเพียงผิดศีลธรรม จะเอาผิดบุคลในภาพได้หรือไม่เป็นเพียงประเด็นโต้แย้งที่ปลายเหตุ
แต่มาตราการในอันที่จะหยุดยั้งหนังแผ่นวีดีซีลามก....คงต้องเร่งกวาดล้างเอเย่นต์ผลิตและจำหน่ายให้สิ้นซากและเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ เพราะธุรกิจผลิตวีดีซีลามกกำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและกระทำกันเป็นขบวนการ
หากบทลงโทษยังล้าหลังสื่อไฮเทคในยุคปัจจุบัน ผลประโยชน์ที่จะได้รับ...มันก็คุ้มกับความเสี่ยงที่น่าลงทุน
ท่าบางลำพู
กระแสข่าววีซีดีปาร์ตี้มั่ว-ฉาว ซึ่งตกเป็นคดีความกันอยู่ในขณะนี้ ยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร หลังปรากฏภาพ "โจอี้ บอย" หรือนายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต นักร้องวงแร๊พชื่อดัง โดดเข้าไปร่วมงานท่ามกลางวงล้อมสาวโป๊เปลือย ที่บรรจงแสดงท่าร่วมเพศโชว์กันอย่างโจ๋งครึ๋ม!!
คำถามจึงมีตามมาว่า.. เหตุใดวีดีซีอื้อฉาว มักจะมีดารา-นักแสดงเข้าไปเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ และมักจะถูกนำมาเสนอในแง่ลบ ?.... หรือเพราะดาราตกเป็นเหยื่อ ขบวนการผลิตและจำหน่ายแผ่นวีซีดี โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะแม้แต่"โจอี้ บอย" ยังออกมายอมรับว่า
"ภาพในวีซีดีนั้นเป็นตัวเขาเอง แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2544 และตัวเองถูกเชิญไปร้องเพลงในงานวันเกิดของเพื่อน แต่อยู่ในงานไม่ถึงชั่วโมง เพราะเห็นรูปการณ์งานมีผู้หญิงโป๊เปลือย จึงอยากเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนรวมถึงอยากขอโทษทุกคนที่เอาตัวเข้าไปในที่อโคจร หากย้อนเวลากลับได้คงเอาตัวออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุด"
ถือว่าเป็นการยอมรับ ที่น่าให้อภัย เพราะพลาดพลั้งโดยขาดเจตนา แต่ที่กลับเป็นข่าวโด่งดังเพราะ “โจอี้ บอย” เป็นดารานักร้องเป็นแบบอย่างของเยาวชน จึงกลายเป็นบุคคลสาธารณะที่มิอาจปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ความพลาดพลั้งครั้งนี้ จึงเป็นบทเรียนที่ส่งผลกระทบต่อชื่อสียงบ้าง แต่สังคมส่วนใหญ่ยังให้อภัย
วีซีดีอื้อฉาวของ”โจอี้ บอย” จึงไม่ต่างจากกรณี "น้องแนท" เกศรินทร์ ชัยเฉลิมพล นางเอกหนังแผ่นจากเรื่องเธอชื่อแอนและโมรา มีเพียงน้อยคนนักที่รู้จักเธอก่อนหน้านี้ แต่หลังจากวีดีซีน้องแนทฉากเอ็กซ์ ถูกเผยแพร่ในภาพร่วมเพศกับชายหนุ่มชาวชาวต่างชาติอย่างพริกถึงขิง จนตกเป็นคดีความ ถือเป็นปรากฏการณ์หน้าใหม่ ในวงการหนังแผ่น เพราะไม่เพียงแต่"น้องแนท" จะตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว มีน้อยคนจะไม่รู้จักเธอหรือไม่เคยดูหนังแผ่นชิ้นนี้
ฉากเปลือยพิศวาส เมื่อครั้ง “น้องแนท” ตกเป็นจำเลยต่อสังคม ถูกเล่าขานกันปากต่อปาก จนกระทั่งเจ้าตัวออกมายอมรับว่าถูกโมเดลลิ่งกะเทยเฒ่าหลอก เพราะสัญญากันว่าจะไม่นำภาพดังกล่าวนำมาเผยแพร่ที่เมืองไทย กระแสสังคมที่รู้สึกเกลียดชังก่อนหน้านี้ จึงเริ่มคลายกระแสไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ที่ต้องหยิบยกทั้งสองเหตุการณ์มากล่าวอ้าง เพราะพฤติกรรมในเชิงลบที่เห็นวีดีซี โดยใช้เหยื่อซึ่งเป็นคนในวงการมายา นำมาเป็นจุดขาย สุดท้ายจึงต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการผลิตและจำหน่ายหนังแผ่น โดยไม่ตั้งใจ
คดี”โจอี้บอย” จะเงียบหายไปอย่างคดี “น้องแนท”หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป กระบวนการทาง กฎหมายที่จะพิสูจน์ว่าเข้าข่ายอนาจารหรือเพียงผิดศีลธรรม จะเอาผิดบุคลในภาพได้หรือไม่เป็นเพียงประเด็นโต้แย้งที่ปลายเหตุ
แต่มาตราการในอันที่จะหยุดยั้งหนังแผ่นวีดีซีลามก....คงต้องเร่งกวาดล้างเอเย่นต์ผลิตและจำหน่ายให้สิ้นซากและเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ เพราะธุรกิจผลิตวีดีซีลามกกำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและกระทำกันเป็นขบวนการ
หากบทลงโทษยังล้าหลังสื่อไฮเทคในยุคปัจจุบัน ผลประโยชน์ที่จะได้รับ...มันก็คุ้มกับความเสี่ยงที่น่าลงทุน