วันนี้ผมขออนุญาต “เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน” แก่คุณผู้อ่านสักครั้ง ...
เมื่อสิ้นปี 2557 ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนที่ชื่อว่า “ไอโฟน 5 ซี” หลังจากที่ยอมกัดฟันทำงานเก็บเงินมาตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพราะตามกระแสหรืออวดร่ำอวดรวย แต่เป็นเพราะต้องการใช้ทำงาน ซึ่งคนทำข่าวยุคนี้จะเข้าใจกันดีว่าสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ในยุคที่ข่าวถูกขายกันด้วยความเร็ว
ก่อนหน้านี้ผมใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งขออนุญาตไม่บอกยี่ห้อและรุ่น มาประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมาเคยใช้ทั้งถ่ายภาพ และบันทึกเสียงเวลาสัมภาษณ์แหล่งข่าว ซึ่งมันทำหน้าที่ได้ดี จำได้ว่าภาพจากสมาร์ทโฟนที่ผมถ่ายเคยลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มาแล้วครั้ง-สองครั้ง ไม่นับรวมหนังสือพิมพ์บางฉบับก็อปรูปจากเว็บผู้จัดการไปขึ้นหน้าหนึ่งอีก
แต่ในระยะหลังๆ สมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่ชักจะงอแง ทั้งภาพถ่ายเริ่มไม่ชัดบ้าง เครื่องรีสตาร์ทเองบ้าง ฟางเส้นสุดท้ายคือวันหนึ่งหลังเลิกงานตอนค่ำไปสัมภาษณ์แหล่งข่าว เปิดโปรแกรมบันทึกเสียงไปด้วย ปรากฏว่ากลับถึงบ้านเสียงไม่ได้ถูกบันทึก ส่วนที่จดก็มีเนื้อหาไม่มาก เพราะสถานที่คุยกับแหล่งข่าวอยู่ในที่มืดเพื่อหลบเสียงรบกวนในงานเลี้ยง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น จึงตัดสินใจทำงานเก็บเงินซื้อไอโฟนอย่างจริงจัง โดยคิดว่าถ้าเปลี่ยนไปใช้ไอโฟน สุขภาพจิตคงจะดีขึ้น จากที่เคยยืมไอโฟน 4 เอส ของเพื่อนไปสัมภาษณ์แหล่งข่าวในเวลางาน แล้วมันไม่งอแง ซึ่งก็จริงอยู่ตรงที่เวลาผ่านไป 1 ปี มันไม่ค่อยงอแงให้ผมเห็น ไม่ว่าผมจะถ่ายภาพหรือบันทึกเสียงก็ตาม
โดยปกติแล้วการใช้งานไอโฟนของผมจะใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไลน์ บางครั้งก็เล่นอินสตาแกรมเพราะชอบถ่ายภาพ จะโทรออกหรือรับสายมีน้อยมาก เพราะเบอร์ที่ใช้สิทธิ์ซื้อไอโฟนเป็นของอีกเครือข่ายหนึ่ง ทุกวันนี้ยังเสียดายค่าโทรฟรีเดือนละ 250 นาที และ SMS อีก 250 ข้อความที่เหลือทิ้งทุกเดือน
แต่เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาแวะไปหาเพื่อนรุ่นน้องที่อุดรธานี รุ่นน้องถามผมว่าทำไมไม่ใช่ไอแมสเสจ (iMessage) ผมก็งงสิครับว่ามันใช้ยังไง เพื่อนรุ่นน้องบอกกับผมว่าไอแมสเสจ เวลาที่ผมส่งข้อความไปหาคนที่ใช้ไอโฟนด้วยกันจะส่งฟรี เพราะไม่ได้ใช้ SMS แต่จะใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตส่งข้อความ เหมือนวอซแอปกับไลน์ และเฟซบุ๊กแมสเซนเจอร์
ในวันนั้นเพื่อนรุ่นน้องช่วยตั้งค่าไอแมสเสจให้เสร็จสรรพ ระยะหลังๆ เวลาส่งข้อความไปหาเพื่อนก็ส่งเป็นไอแมสเสจ ซึ่งข้อความที่ส่งจะเป็นสีฟ้า แตกต่างจากการส่ง SMS ซึ่งจะเป็นสีเขียว แม้จะช่วยประหยัดโควตา SMS ไปเยอะ แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองดูโง่พิกลที่ใช้ไอโฟนส่งแต่ SMS ไม่ได้รู้จักไอแมสเสจกับเขาบ้างเลย
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้ค้นพบก็คือ แอปพลิเคชั่น Podcasts ที่มีอยู่ในไอโฟน ซึ่งผมเห็นมันหลังจากอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นไอโอเอส 8 (iOS 8) แล้ว ผมลองเข้าไปดู ก็เพิ่งค้นพบว่าเราสมารถรับฟังรายการวิทยุย้อนหลังได้จากแอปนี้ โดยมันจะดาวน์โหลดไฟล์เสียงเก็บไว้ แล้วเราสามารถเลือกฟังเวลาไหนก็ได้เท่าที่ต้องการ
ใน Podcasts จะมีรายการวิทยุนับร้อยสถานี แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามีคอนเทนต์ภาษาไทยน้อยมาก เมื่อดูการจัดอันดับแล้วปรากฎว่าคอนเทนต์ภาษาไทยที่ติดอันดับก็คือ “ว.วชิรเมธี v.vajiramedhi” ซึ่งเป็นรายการธรรมะ ส่วนรายการ “Daily IT by Ceemeagain” ซึ่งเป็นรายการวิทยุย้อนหลัง แม้จะติดอันดับแต่เนื้อหาไม่ได้อัปเดตมานานมากแล้ว
คอนเทนต์ภาษาไทยที่อัปเดตบ่อยครั้งส่วนใหญ่จะเป็นรายการที่ผลิตโดยสำนักข่าวต่างชาติ เช่น “ข่าวสดสายตรงจากวีโอเอภาคภาษาไทย” ของสถานีวิทยุ วอยซ์ ออฟ อเมริกา ซึ่งออกอากาศทางวิทยุทุกเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ วันละครึ่งชั่วโมง ก็ฟังย้อนหลังจาก Podcasts ซึ่งมีให้บริการพร้อมกับภาษาอื่นๆ
หรือจะเป็น “Thai News – NHK WORLD RADIO JAPAN” เสนอข่าวภาคค่ำเป็นภาษาไทยจากเอ็นเอชเค กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นวันละประมาณ 10 นาที ซึ่งจริงๆ ยังมีรายการสอนภาษาญี่ปุ่นภาคภาษาไทยอีกด้วย เท่าที่ฟังเนื้อหาก็รู้สึกว่าเพลินดี เหมาะสำหรับคนที่เอียนรายการข่าวในเมืองไทยแล้วอยากเปิดหูเปิดตาอะไรบ้าง
อีกรายการหนึ่งที่ผมฟังแก้เซ็งอยู่เรื่อยๆ ก็คือ “วิทยุเอเชียเสรี ภาษาลาว” จะถ่ายทอดเสียง 1 ชั่วโมง ส่วนมากจะมีสรุปข่าวประจำวันเป็นภาษาลาว รายการภาษาลาวทั้งสัมภาษณ์พิเศษ รายการจดหมายจากผู้ฟัง ซึ่งมักจะมีเรื่องวิจารณ์เหตุบ้านการเมืองในลาว หรือค่ำวันอาทิตย์จะมีรายการคุยข่าวที่ชื่อว่า “รวมเรื่องข่าว” ที่เปิดสายโฟนอินจากทางบ้าน
วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia ใช้อักษรย่อว่า RFA) ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากเงินให้เปล่าของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน RFA เป็นผู้ดำเนินการสถานีวิทยุและบริการข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต โดยกระจายเสียงจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
บัณฑิต จันทศรีคำ หรือ แคน สาริกา บรรณาธิการอาวุโสและคอลัมนิสต์สื่อเครือเนชั่น เคยกล่าวถึงวิทยุเอเชียเสรีในลาว ต่อสำนักข่าวอิศรา ว่า ถือเป็นสื่อทางเลือกที่คนที่นี่นิยมในยุคนี้ นอกจากวีโอเอภาคภาษาลาว แน่นอนว่ารัฐบาลลาวย่อมไม่ชอบใจ ที่มีกระบอกเสียงแปลกแยกเช่นนี้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่ใช่สื่อของคนลาว
ในส่วนของวิทยุเอเชียเสรี ก่อตั้งโดยคนลาวที่อพยพออกนอกประเทศสมัยสงครามเย็น โดยมีการเผยแพร่ข่าวสารและบทวิเคราะห์เรื่องราวภายใน สปป. ลาวไปทั่วโลก โดยเฉพาะกรณี “สมบัด สมพอน” นักพัฒนาชุมชนรางวัลแมกไซไซ ที่ถูกอุ้มหายสาบสูญ เอเชียเสรีก็จะเกาะติดประเด็นและนำเสนออย่างต่อเนื่อง
คุณผู้อ่านคงสงสัยว่าผมฟังภาษาลาวได้อย่างไร บอกได้เลยว่าถ้าได้ฟังตั้งแต่ครั้งแรกก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะภาษาลาวกับภาษาไทยนั้นคล้ายคลึงกันมาก จะมีบางคำที่ต้องไปค้นหาความหมาย ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่นอกจากมีข่าวเกี่ยวกับลาวแล้ว เรื่องราวในเมืองไทยที่เกี่ยวข้องกับลาว ก็มักจะมีรายงานข่าวโดยอ้างอิงจากสำนักข่าวของไทยเช่นกัน
น่าเสียดายที่คอนเทนต์ภาษาไทยใน Podcasts ที่มาจากบ้านเราโดยตรงมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นรายการธรรมะ บางรายการไม่ได้อัปเดตมานานมากแล้ว ซึ่งทราบมาว่าความนิยมของ Podcasts ทั่วโลกลดลงไปมาก แม้จะมีผู้บอกรับสมาชิกตามรายการต่าง ๆ มากกว่า 1 พันล้านสมาชิกทั่วโลกก็ตาม
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะความนิยมการเสพสื่อในยุคนี้มักจะพึ่งพาโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊กเป็นหลัก ตามแต่เนื้อหาที่สมาชิกจะแบ่งปันลงในนิวส์ฟีด โดยมีจุดขายคือความรวดเร็วและทันต่อกระแส เมื่อพบเห็นอะไรที่โดนใจก็มักจะมาแชร์ต่อ ทำให้คนเราบริโภคเนื้อหาหรือเสพสื่อด้วยตัวเองน้อยลง
ผมคุยกับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งที่ขอนแก่น เขาเห็นว่า Podcasts ก็เหมือนรายการวิทยุย้อนหลังไม่ใช่หรือ ซึ่งอันนี้ผมไม่เถียง เพราะโดยหลักการก็คือการดาวน์โหลดไฟล์เสียงหรือวีดีโอรายการจากเซิร์ฟเวอร์ของผู้ผลิตคอนเทนต์ลงในไอโฟนของเรา ก่อนที่เราจะมาเปิดฟังที่หลัง แต่ผมก็รู้สึกดีที่ได้ใช้ประโยชน์จากมันจริงๆ
ยกตัวอย่างคืนวันศุกร์หลังเลิกงาน ขณะที่โทรทัศน์ทุกช่อง วิทยุทุกคลื่นกำลังคืนความสุขให้ท่านผู้นำ แทนที่เราหยิบมือถือฟังเพลงจากเพย์ลิสต์ที่ฟังกันจนเบื่อแล้ว ก็ดาวน์โหลดรายการตอนใหม่ใน Podcasts จากไว-ไฟที่ออฟฟิศ แล้วมานั่งฟังระหว่างเดินทาง รู้สึกดีไปอีกแบบ โดยที่ไม่ต้องเปลืองค่าอินเตอร์เน็ตสามจี เหมือนกับการชมวีดีโอคลิปในยูทิวบ์
สิ่งที่ค้นพบจากไอโฟนที่ใช้อยู่เป็นประจำอยู่สองอย่าง คงสรุปได้เพียงสั้นๆ ว่า เรามักจะคุ้นเคยกับสิ่งที่ใช้อยู่เป็นประจำ แต่กลับมองข้ามบางสิ่งอย่างอย่างที่ถูกมองข้ามเอาไว้ หากมีเวลาลองหยิบมือถือของคุณเองมาเล่น ไม่จำเป็นต้องเป็นไอโฟนก็ได้ สมาร์ทโฟนอะไรก็ได้ที่คุณพกพาอยู่ ลองหยิบจับและทดลองใช้งานคุณสมบัติของมันดูบ้าง
เผื่อว่าในวันข้างหน้าจะได้มีโอกาสได้ใช้มันเป็นเครื่องมือ ให้สมกับที่เราซื้อมือถือราคาแพงเพราะอยากให้มันทำได้อย่างสมาร์ท สมกับชื่อสมาร์ทโฟนจริงๆ ไม่ใช่ถูกมองว่าเป็นเพียงเครื่องประดับราคาแพง แต่เราใช้มันเพียงแค่โทรออก รับสาย และเล่นเฟซบุ๊กหรือไลน์เท่านั้น.