xs
xsm
sm
md
lg

'ทางลง' ของรัฐบาลธนกิจการเมือง

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

เสียงสงครามที่ดังอยู่รอบตัวเรา อาจดังกลบทุกสรรพเสียง แต่ว่าเสียงของมนุษย์พิเศษเหนือสรรพเสียงใดๆ สามารถลอยไปเหนือความอึกทึกที่สยบทุกสำเนียง แม้มันจะไม่ใช่การกู่ตะโกน หรือ แม้มันเป็นเพียงแค่เสียงกระซิบ แม้เสียงกระซิบที่แผ่วที่สุดก็ยังสามารถยินได้เหนือสมรภูมิ ..... เมื่อสิ่งที่พูดคือ "ความจริง" - - - จากภาพยนตร์เรื่อง The Interpreter

เกือบครึ่งปีมาแล้วภายใต้สภาวะข่าวอันฉาวโฉ่เกี่ยวกับการคอร์รัปชัน และการบริหารราชการโดยมิชอบของรัฐบาลไทยรักไทยที่ผ่านเข้าหูผมจากทุกทิศทุกทาง ผมนั่งสนทนากับสหายผู้หนึ่งที่คลุกคลีตีโมงมาด้วยกันตั้งแต่เรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย

"รัฐบาลทักษิณไม่มีทางล้มหรอก ถ้าไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจ ... " เขาบอกผม

ผมไม่ได้ถามสาเหตุกับเขาว่า ทำไม "วิกฤตเศรษฐกิจ" จึงเป็นปัจจัยตัดสินที่จะกำหนดความเป็นไปของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่สร้างปรากฎการณ์บริหารประเทศมาแล้วหนึ่งสมัยเต็มกับอีก 1 ปี พร้อมๆ กับทรัพย์สินที่ถูกกอบโกยเอาไว้เต็มกระเป๋า ทั้งกระเป๋าตัวเอง กระเป๋าครอบครัวและกระเป๋าพวกพ้อง แต่มิใช่ปัจจัยที่เรียกว่า การคอร์รัปชัน การประพฤติมิชอบ หรือการบริหารราชการผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งโดยจงใจและไม่จงใจ

วลี "คนต่างจังหวัดตั้งรัฐบาล คนกรุงเทพฯ ล้มรัฐบาล" สะท้อนปรากฎการณ์คำพูดของสหายผู้นั้นให้ผมสามารถเห็นตัวอย่างได้ค่อนข้างแจ่มชัด ตัวอย่างชั้นดีในรอบ 1 ทศวรรษที่ผ่านมาก็คือ กรณีของพรรคความหวังใหม่และวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเมื่อ พ.ศ.2540

ชนชั้นกลาง ในกรุงเทพฯ อาจถือได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่มีสัญชาตญานการเอาตัวรอดอย่างเป็นเลิศ ปากท้องเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเมืองทุกประการในชีวิต หลายปีมานี้ผมเองในฐานะชนชั้นกลางผู้หนึ่งก็เชื่อเช่นนั้นมาตลอด

หลายปีมานี้คนไทย ฝากปากท้อง ชะตา ความหวัง ไว้กับบุคคลที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย โดยหวังว่าพรรคไทยรักไทยจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น คนไทยหายจน และสังคมไทยอยู่กันอย่างสงบสุขกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะชนชั้นกลางที่วิถีชีวิตผูกติดอยู่กับระบบทุนนิยมเสรี ตลาดเงิน ตลาดหลักทรัพย์ การค้าเสรี ..... ชนชั้นกลางดูจะเข้าใจสิ่งที่ทักษิณและพรรคพวกพูดยิ่งกว่าใครๆ ในสังคมไทย

เดือนธันวาคมที่ผ่านมา สังคมไทยได้รู้จักคำศัพท์ใหม่เพิ่มขึ้นอีกคำ .... ธนกิจการเมือง (Money Politics)

ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ บอกกับคนไทย โดยเฉพาะชนชั้นกลางว่า คำกล่าวที่ว่าในสังคมที่การคอร์รัปชันกำลังกินเมือง ประชาชนอาจจะอยู่ดีมีสุขก็ได้เพราะเศรษฐกิจเติบโตดังเช่นที่เกิดกับ ประเทศเกาหลีใต้หรืออินโดนีเซียนั้น จริงๆ แล้วกำลังฆ่าคนไทย สังคมไทย และประเทศไทยทั้งเป็น

เหตุผลก็คือ ภายใต้รัฐบาลธนกิจการเมืองที่คอร์รัปชันกันไม่หยุดไม่หย่อนแม้ในระยะสั้นเศรษฐกิจจะเติบโตจริง แต่ในระยะยาวความล่มสลายที่เกิดจากธนกิจการเมืองกลับจะผลักประเทศชาติ และสังคมให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งหายนะในที่สุด

หายนะอย่างไร?

เศรษฐกิจเติบโต แต่การกระจายรายได้ย่ำแย่ คนรวย รวยล้นฟ้า-คนจนเป็นหนี้เป็นสิน ส่วนคนชั้นกลางก็ต้องกลายเป็นสุนัขคอยรับใช้ เลียเจ้านายไปวันๆ ผลจากการแปรรูป การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำลังตอกย้ำว่า เงินในกระเป๋าน้อยๆ ของคนจนกำลังถูกลักเอาไปใส่กระเป๋าโตๆ ของคนรวยโดยถูกกฎหมาย

เศรษฐกิจเติบโต แต่ สิทธิเสรีภาพของประชาชนจะถูกคุกคามโดยผู้กุมอำนาจและพวกพ้อง กรณีของคุณสมชาย นีละไพจิตร และคุณสุภิญญา กลางณรงค์ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ส่วนเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนก็จะถูกควบคุม-ปิดกั้น กรณีหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมืองไทยรายสัปดาห์ คุณสนธิ-คุณสโรชา หนังสือพิมพ์มติชน-บางกอกโพสต์ และภาวะพูดแต่เรื่องบวกของรัฐบาลในโทรทัศน์-วิทยุทุกช่อง บ่งชี้ให้เราเห็น

เศรษฐกิจเติบโต แต่ระบบการตรวจสอบรัฐบาลจะถูกปิดกั้น-ระบบยุติธรรมถูกสั่นคลอน กรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรณีคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กับเครื่องซีทีเอ็กซ์ การละเว้นการยึดทรัพย์นายสมชาย คุณปลื้ม และกรณีการแทรกแซงองค์กรอิสระแห่งอื่นๆ คือหลักฐาน

เศรษฐกิจเติบโต แต่ การจัดสรรทรัพยากร การกำหนดนโยบายเศรษฐกิจจะไม่ได้เป็นไปตามประสิทธิภาพที่แท้จริงและผลประโยชน์ของระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่จะเป็นไปตามผลประโยชน์ของผู้กุมอำนาจ ครอบครัว และพวกพ้อง กรณีการทำสัญญาเปิดการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ กรณีผลประโยชน์ที่บริษัทในเครือชินคอร์ปได้ไปจากการการเอื้อประโยชน์ของรัฐ ไม่ว่าจะกรณี ชินแซท กับเงินกู้พม่า 4,000 ล้าน การยกเว้นภาษีโดยบีโอไอ กรณีของไอทีวี หรือกรณีการได้เปรียบทางธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเอไอเอส เหนือดีแทค และออเรนจ์ เป็นตัวอย่างน้อยนิดในจำนวนตัวอย่างอีกมากมายนับไม่ถ้วน

เศรษฐกิจเติบโต แต่ระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกบ่อนทำลาย สถานการณ์ปัญหาของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 รัฐธรรมนูญฉบับที่ได้ชื่อว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ในปัจจุบันบ่งชี้แล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้พ่ายแพ้แล้วต่อธนกิจการเมือง หลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เราเห็นก็คือ 375 ส.ส. ที่ได้รับตำแหน่งมาทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร กลับทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์พิทักษ์นาย หรือไม่ก็ออกอาการสูญเสียความเป็นคนไปเสียอย่างนั้น

เรายินยอมแลก การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ กับ ทุกสิ่งที่เรามีอยู่หรือ?

ผมคิดว่าคำตอบของชนชั้นกลางทุกวันนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นคำว่า "ไม่!" โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรัฐบาลที่ทั้งโคตรโกง และ โกงทั้งโคตร

หลังจากฟังคำเตือนจาก อ.ผาสุกที่มีต่อคนไทย สังคมไทย และรัฐบาลแล้ว พอหันกลับมามองทางฝั่งรัฐบาลฟังจากน้ำเสียงของคุณทักษิณ และบรรดาลูกหาบ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่สำเหนียกถึง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ ชนชั้นกลาง และ คนกรุงเทพฯ

พอได้รับทราบงานวิจัยอันเปรียบเสมือนคำเตือนและคำติติงของ อ.ผาสุก ต่อรัฐบาลไทยรักไทยแล้ว คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ องครักษ์แถวหน้าของรัฐบาลก็กล่าวโต้แย้งทันที โดยกล่าวว่านโยบายรากหญ้าของรัฐบาลนั้นจริงๆ แล้วเป็นการแก้ปัญหาการคอร์รัปชันของรัฐบาล แถมยังกล่าวด้วยว่า

"แน่นอนว่า เมื่อเราดำเนินการอย่างนี้ต้องมีผู้เสียประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ หรือนายหน้าทางเมือง ตัวกลางทางเศรษฐกิจ พวกหัวคะแนนที่ใช้กลไกทางการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ เพื่อหาเศษหาเลย แม้กระทั่งนักวิชาการบางส่วนที่เคยเป็นโบรกเกอร์ทางความคิด เป็นผู้ที่มีบทบาท อาจจะไม่พึงพอใจ แต่เราพยายามทำความเข้าใจทุกภาคส่วนของประชาชน รวมทั้งนักวิชาการด้วย"

ล่าสุด ด้านคุณทักษิณก็ยังคงเชื่อต่อไปว่า "คนไทยรับได้กับรัฐบาลที่ทำงานไปโกงไป" แต่คุณทักษิณกลับไม่แสดงความพยายามแม้แต่น้อยนิดที่จะจัดการกับปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน และผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เป็นปัญหาคาใจคนไทยทั้งประเทศมาตลอดเกือบทั้งปี 2548

คุณทักษิณ ยังหวังว่า ตนเองและพรรคไทยรักไทยจะมี "ขาขึ้น" อีกในปีหน้า 2549 จนถึงการเลือกตั้ง 2552 โดยพยายามชี้ให้เห็นถึงผลโพลที่ตัวเองทำซึ่งระบุว่า ความนิยมของพรรคไทยรักไทยในปัจจุบันยังอยู่ที่ร้อยละ 40 กว่าๆ ซึ่งเมื่อเทียบกับความนิยมพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ที่ระดับ ร้อยละ 20 กว่าๆ ซึ่งเมื่อเทียบกันทั้งสองพรรคแล้วถือว่ายังเป็นคนละเรื่อง ....... (อ่าน:“แม้ว” เมินทฤษฎีคนกรุงล้มรัฐบาล-มั่นใจปีหน้าขาขึ้นถึงเลือกตั้งปี 52 - 18 ธ.ค.2548)

ได้ฟังคุณทักษิณ กล่าวอย่างนี้แล้ว ผมก็จนใจจริงๆ แต่ก็ยังอยากถือวิสาสะกล่าวย้ำเตือนสติ คุณทักษิณและพลพรรคอีกครั้งด้วยความหวังดีว่า อย่ามัวแต่โกหกตัวเองและพรรคพวกด้วยฝันลมๆ แล้งๆ กับการหา 'ทางขึ้น' อยู่เลยครับ ณ เวลานี้ หา 'ทางลง' สวยๆ น่าจะเหมาะกว่า

อ่านเพิ่มเติม
- การทับซ้อนของผลประโยชน์ กับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จาก คอลัมน์ดุลยภาพดุลยพินิจ โดย ผาสุก พงษ์ไพจิตร หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับ 2 พ.ย. 2548
- 'ผาสุก'ติงธนกิจการเมืองนำชาติหายนะ 7 ธ.ค. 2548
- Institutions as the Fundamental Cause of Long-Run Growth by Daron Acemoglu, Simon Johnson, James Robinson from National Bureau of Economic research
กำลังโหลดความคิดเห็น