xs
xsm
sm
md
lg

Big Data เปลี่ยนแปลงชีวิตคนจีนไปอย่างไร&?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

งานแสดงนิทรรศการ Big data ที่เมืองกุ้ยหยาง โชว์ระบบการจดจำใบหน้าอัจริยะ (แฟ้มภาพ เอเจนซี)
โดย ดร. ร่มฉัตร จันทรนุกูล

ผู้อ่านหลายท่านอาจจะคุ้นหูกับคำว่า บิ๊ก ดาต้า (Big data) เป็นเทคโนโลยีคลังเก็บข้อมูลใหม่ที่ไม่ใช่แค่ใหญ่อย่างเดียวแต่ยังฉลาดวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวเลขอดีตถึงปัจจุบันย้อนหลังได้อย่างแม่นยำ ลองคิดดูว่าในแต่ละวันมีการใช้อินเทอร์เน็ตและคลิกเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ รวมถึงรูปภาพในแต่ละวันของประชาชนมีจำนวนกี่ครั้ง กี่เรื่องราว กี่ข้อมูล

ในกรณีของจีน หนึ่งวันชาวจีนใช้ Baidu Map เพื่อค้นหาสถานที่ถึง 72 พันล้านคลิก การคลิกในแต่ละครั้ง ข้อมูลจะถูกเก็บอยู่ในคลังข้อมูลใหญ่ของบิ๊กดาต้า นำพาความสะดวกสบายมาสู่ชีวิตหลายด้าน โดยเฉพาะในแง่การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติต่างๆ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ การแพทย์ การจราจร ความมั่นคง เป็นต้น

ข้อมูลสถิติต่างๆจากบิ๊ก ดาต้านี้สำคัญอย่างมาก ทั้งในระดับสังคมถึงประเทศชาติ มีสถิติหลายอย่างที่บิ๊ก ดาต้า รายงานได้ ซึ่งหากใช้การเก็บสถิติอย่างทั่วไปไม่สามารถทำได้ อย่างเช่น จีนมีการออกข้อมูล คนจีนรุ่นใหม่ยุคทศวรรษที่ 80-90 ทัศนคติการใช้ชีวิตเป็นอย่างไร ชอบกินอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ วันหยุดชอบทำอะไร ทัศนคติการแต่งงานมีครอบครัวเป็นอย่างไร จะซื้อบ้านเป็นของตนเองหรือไม่ ตัวเลขต่างๆทั้งหลายสามารถเอามาใช้และวิเคราะห์ข้อมูลด้านต่างๆได้อีกมากมาย

ในด้านของนโยบายประเทศก็สามารถใช้ตัวเลขจากข้อมูลขนาดใหญ่นี้ มาวิเคราะห์และต่อยอดการพัฒนาประเทศด้านต่างๆต่อไปได้ ในแง่ของความมั่นคงของประเทศและการธนาคาร จีนใช้บิ๊ก ดาต้า ในด้านนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการจับกุมหรือสอดส่องบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ การประเมินเครดิตบุคคลและระบบ black list ที่ลิงค์ต่อไปยังการบินและการรถไฟ หมายถึงคนที่มีเครดิตไม่ดี ติด black list ธนาคาร จะถูกห้ามเดินทางโดยเครื่องบินหรือรถไฟรวมไปถึงการเดินทางออกนอกประเทศ

การเติบโตของบิ๊กดาต้าจีนในช่วงสามปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันผู้นำสามอันดับแรกของตลาด บิ๊ก ดาต้า คือ อาลีบาบา หัวเว่ย และเทนเซนท์ ทั้งสามบริษัทนี้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีจีนที่มีบริการและธุรกิจด้านดิจิทัล (digital) ที่แตกตัวออกไปมากมาย ในช่วงปีที่ผ่านมานี้รัฐบาลจีนสนับสนุนการเติบโตของบิ๊ก ดาต้าเป็นอย่างมาก ทำให้อุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าจีน เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ digital economy กลายเป็นนวัตกรรมและการเติบโตใหม่ของจีน

แล้ว digital economy คืออะไร คำตอบคือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาควบรวมกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ การเติบโตของดิจิทัลทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง ประชาชน รัฐบาล ภาคธุรกิจ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ นายหม่าฮั่วเถิง(马化腾)ผู้ก่อตั้งบริษัทเทนเซนท์ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสามของผู้นำบิ๊กดาต้าในจีน ได้เคยกล่าวถึงการพัฒนาของบิ๊ก ดาต้า และคำนิยามว่า “ในปี 2015 จีนเริ่มมีการพูดถึง Internet+.... แนวคิดนี้เป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนา และผลของมันคือบิ๊ก ดาต้า และกิจการที่บิ๊ก ดาต้า เข้าถึงนี้แบ่งออกได้เป็น 5 สาขาใหญ่คือ การบริการประชาชน การจับจ่ายใช้สอย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านอุตสาหกรรมและด้านสิ่งแวดล้อม” ทุกวันนี้จีนมีประชาชนที่ใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันมากกว่า 770 ล้านคน อัตราเฉลี่ยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนจีนสูงกว่าระดับเฉลี่ยของโลก

การเปลี่ยนแปลงของชีวิตประจำวันของประชาชนจีนเปลี่ยนไปมากมายหลังการเติบโตของบิ๊ก ดาต้า ยกตัวอย่างเช่นระบบการจดจำใบหน้าอัจฉริยะที่ถูกเอามาใช้ในด้านตำรวจการรักษาความปลอดภัย ระบบการจำแนกใบหน้านี้เป็นระบบสุดยอดการคัดกรองจำแนกใบหน้าของผู้คน มีการวิเคราะห์ที่เพิ่มประสิทธิภาพและฐานข้อมูลจำนวนมากจะทำการรวบรวมและวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ความเร็วระดับหมื่นล้านตัวเลขใช้เวลาหนึ่งวินาทีในการตอบกลับ ระบบจำแนกหน้าคนมี 40 คุณลักษณะของใบหน้า อายุ เพศ สีหน้า หนวด บิ๊ก ดาต้านี้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ใบหน้าในจุดบอด เพิ่มประสิทธิภาพให้วิเคราะห์ได้แม่นยำมากขึ้น
ภาพกราฟฟิกแผนที่แสดงของเมืองต่างๆในประเทศจีนที่มีการพัฒนาด้านบิ๊กดาต้ามากที่สุด ได้แก่ ปักกิ่ง (78.22 คะแนน)  ตามด้วยกว่างตง เซี่ยงไฮ้ เจียงซู เจ้อเจียง ซันตง กุ้ยโจว ฉงชิ่ง ฝูเจี้ยน และเสฉวน
ทุกวันนี้ระบบการจดจำใบหน้าอัจริยะของจีนได้รับการยอมรับและถูกใช้ในหลายพื้นที่เช่น สถานีรถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบิน โรงแรม สถานที่สาธารณะที่ผู้คนผ่านไปมาเยอะ การมีระบบการจดจำใบหน้าบิ๊กดาต้านี้เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ตำรวจในการจับผู้ร้ายเป็นอย่างมาก ทำให้การค้นหาผู้ร้ายเป็นไปอย่างง่ายดายและแม่นยำมากขึ้น ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมานี้ ตามสถานีรถไฟที่ต่างๆมีการใช้ระบบจดจำใบหน้าในการตรวจจับผู้ต้องหาในหลายพื้นที่และผลที่ได้คือ มีผู้ต้องหาจำนวนมากถูกจับในช่วงเทศกาลตรุษจีน!

กุ้ยหยางของจีนถูกตั้งเป็นเมืองทดลองด้านการพัฒนา Big data ทำให้ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมานี้เศรษฐกิจของกุ้ยหยางได้รับการกระตุ้นให้พัฒนา ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในด้านต่างๆมีมากขึ้น จากประสบการณ์ของผู้เขียนเห็นว่า Big data ในจีนถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางจริงๆและไม่ใช่เพียงแค่ที่กุ้ยหยาง แต่คือทั้งประเทศ คนไข้ในเขตชนบทห่างไกล เข้ามาในเมืองรักษาหรือตรวจร่างกายซ้ำแต่ละครั้งยากลำบาก ในปี 2017 มีระบบแพทย์ทางไกลชนบทผ่านระบบ cloud ขึ้นมา ทำให้เขตชนบทหมื่นกว่าแห่งเริ่มต้นชีวิตยุคดิจิทัล หมอที่โรงพยาบาลสามารถพูดคุยและดูอาการของคนไข้ได้โดยตรงผ่านทาง platform ทำให้การดูอาการของคนไข้ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป

จากที่ผู้เขียนยกตัวอย่างไปสองตัวอย่างที่นำ Big data ด้านการแพทย์และด้านความมั่นคง จริงๆแล้วยังมีอีกหลายด้านที่จีนเอามาใช้และเป็นรูปธรรมแล้ว แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งเห็นว่า Big data นี้มีโทษเหมือนกันเพราะมีคนบางกลุ่มเห็นว่า Big data จะทำให้ผู้คนมีภัยคุมคามในด้านความเป็นส่วนตัวเพราะระบบอัจริยะนี้จะตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านทางการใช้โทรศัพท์ และผ่านแอพต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การพัฒนาชีวิตแบบดิจิทัลเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เมืองไทยของเราก็เริ่มขึ้นแล้ว ผู้อ่านคิดว่า Big data นำพาความสะดวกสบายชีวิตในด้านไหนกันบ้าง?


กำลังโหลดความคิดเห็น