กลุ่มสื่อจีนรายงาน (2 ก.พ.) ยอดจำหน่ายมือถือ iPhone ของ “ซูหนิง” (Suning) ผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 83 ในช่วงวันที่ 11 - 30 ม.ค. 62 หลังแอปเปิลยอมลดราคาตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 62
นโยบายลดราคาสินค้าของแอปเปิลเกิดขึ้นเพื่อแก้สถานการณ์ยอดขายตกต่ำในปี 2561 ซึ่งแอปเปิลมีรายรับจากการขายสินค้าในจีน (รวมฮ่องกงและไต้หวัน) ลดลงมากกว่าร้อยละ 27 ถือว่าเป็นจำนวนที่มากเมื่อเทียบกับยอดขายในภูมิภาคยุโรปที่ลดลงประมาณร้อยละ 3 ซึ่งยอดขายในจีนที่ลดลงทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนโดยรวมลดลงร้อยละ 12 - 15.5
รายงานระบุว่า iPhone XR เป็นมือถือรุ่นที่แอปเปิลลดราคามากที่สุด โดยลดราคาจาก 6,499 หยวน (ราว32,500 บาท) เหลือเพียง 6,099 หยวน (ราว 30,500 บาท) ทั้งนี้
นโยบายดังกล่าวทำให้ยอดขายสินค้าของแอปเปิลกระเตื้องตัวขึ้น โดยเฉพาะมือถือรุ่น iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone XR
ก่อนหน้านี้ Tim Cook ประธานกรรมการผู้บริหารแอปเปิลให้สัมภาษณ์กับ “ซีเอ็นบีซี” (CNBC) สื่ออเมริกัน ระบุว่า ยอดจำหน่าย iPhone ในจีนที่ลดลงเป็นเพราะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างประเทศที่กดดันมากในขณะนี้
นาย Carl Smit อดีตผู้บริหารการขายประจำภูมิภาคเอเชียของแอปเปิลให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมา แอปเปิลปรับตัวเข้ากับตลาดจีนได้ช้าเกินไป ซึ่งการที่แอปเปิลไม่สามารถผนวกตนเองเข้ากับตลาดจีนได้อย่างไร้รอยต่อเป็นเปิดช่องให้กับผู้ผลิตโทรศัพท์ในจีน