xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้าจีนสหรัฐฯ เริ่มพ่นพิษใส่ภาคการผลิตจีนแล้ว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รถบรรทุกสินค้ากำลังแล่นผ่านตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าที่ท่าเรือหยังซันในนครเซี่ยงไฮ้  ภาพ 29 มี.ค. 2018 (แฟ้มภาพ เอพี)
เอพี—การสำรวจสองชุดเผยเมื่อวานนี้( 30 ก.ย.) คำสั่งซื้อสินค้าส่งออกจากจีน ลดฮวบในเดือย ก.ย. ท่ามกลางสงครามการค้าสหรัฐฯร้อนระอุ สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งเพิ่มแรงกดดันเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

จากกระแสคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้า ชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากความต้องการผู้บริโภคทั่วโลกแผ่วลง กอปรด้วยมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อเพื่อควบคุมปัญหาหนี้สินบานปลาย ดังนั้น ผลการสำรวจสองชุดที่เผยในวันอาทิตย์ (30 ก.ย.) จึงยิ่งทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจจีน ยิ่งหม่นหมอง

การสำรวจสองชุดที่เผยเมื่อวานนี้ ได้แก่ รายงานดัชนีการค้าเดือนก.ย.ที่จัดทำโดย สมาพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อแห่งจีน (China Federation of Logistics & Purchasing) ระบุว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกล็อตใหม่ ลดลงมาที่ระดับ 48 เทียบกับระดับ 49.4 ของเมื่อเดือนส.ค.

ทั้งนี้ดัชนีวัดระดับคำสั่งสั่งซื้อสินค้าโรงงาน ซึ่งกำหนดขีดสูงสุดที่ระดับ 100 และระดับต่ำกว่า 50 แสดงว่ากิจกรรมการค้ากำลังหดตัวลง

สำหรับการสำรวจอีกชุด คือการสำรวจของนิตยสารที่ทรงอิทธิพลจีน “ไฉจิง” ระบุว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกลดฮวบลงในอัตรารวดเร็วที่สุดในรอบกว่าสองปี “ไฉจิง” รายงานอีกว่า กลุ่มบริษัทโทษตัวการที่ทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานหดหายไปเช่นนี้ คือความขัดแย้งด้านการค้า และกำแพงภาษีการค้า
นอกจากนี้ ในการสำรวจของ สมาพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อแห่งจีน ที่จัดทำเป็นรายเดือน ชี้ว่ากิจกรรมการผลิต ลดลงมาที่ 50.8 จากระดับ 51.3 ขณะที่ดัชนีที่จัดทำโดย ไฉจิง ระบุ กิจกรรมการผลิตลดจากระดับ 50.6 ลงมาที่ 50

ขณะนี้มีกระแสกดดันรัฐบาลประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ปรับเปลี่ยนความริเริ่ม อย่างเช่น "Made in China 2025" ซึ่งเป็นโครงการที่จีนทุ่มการสนับสนุนภาคหุ่นยนต์ และเทคโนโลยีอื่นๆ โดยวอชิงตัน ยุโรป และคู่ค้ารายอื่นๆ ต่างชี้ว่าสิ่งเหล่าขัดแย้งกับภาระผูกพันการเปิดตลาดจีน แต่ด้วยความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจจีน มูลค่า 12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้รัฐบาลยังสามารถต้นทานแรงกดดันดังกล่าว

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ และการคาดการณ์ของค่ายอื่นๆ ทำนายการเติบโตเศรษฐกิจจีนปีนี้ ตกลงมาที่ราว 6.5 เปอร์เซนต์ จากระดับ 6.8 เปอร์เซ็นต์ของปี 2017 อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวเศรษฐกิจจีนในช่วงนี้เป็นผลมาจากแผนระยะยาวเพื่อปรับเปลี่ยนโครงการการเติบโตทางเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่จะสร้างการเติบโตฯอย่างยั่งยืนจากการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยไม่พึ่งพิงการค้าการลงทุนเหมือนดังแต่ก่อน

สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่เข้ามาซ้ำเติมภาคการค้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทวีแรงกดดัน โดยประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านปักกิ่งศอกกลับด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา มูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้พญามังกรและพญาอินทรีได้แลกหมัดกันไปแล้วในศึกการค้าโดยเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และขณะนี้สองฝ่ายยังไม่ประกาศแผนการเจรจากัน

กลุ่มนักคาดการณ์เศรษฐกิจ ชี้ว่าสงครามการค้าของสองมหาอำนาจเศรษฐกิจ ที่กำลังยืดเยื้อโดยไม่มีวี่แววหันหน้ามาคุยกันนี้ จะหั่นการเติบโตเศรษฐกิจโลกลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ไปถึงปี 2020

ส่วนเหล่าผู้นำคอมมิวนิสต์นั้นพยายามที่จะยึดถือแผนการปฏิรูประยะยาว โดยกล่าวว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีแรงแข่งขันและผลผลิตมากขึ้น

จีนได้ตัดลดภาษีนำเข้าและประกาศแผนเปิดกว้างภาคการผลิตรถยนต์ และบางอุตสาหกรรมให้แก่กลุ่มผู้แข่งขันต่างชาติ แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็ไม่ตอบสนองข้อพิพาทเกี่ยวกับเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปักกิ่งได้ประกาศตัดลดภาษีการค้า ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย. โดยครอบคลุมกลุ่มสินค้า 1,585 ประเภท รวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์การก่อสร้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น