MGR ONLINE/ไชน่า เดลี /เอพี-- สืบเนื่องจากในวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.) รัฐบาลจีนได้ประกาศขึ้นภาษีการค้าสี่อัตราสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อโต้ตอบวอชิงตันที่กำลังขู่ขึ้นภาษีการค้าต่อสินค้าจีนอีกรอบซึ่งมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางศึกงัดข้อในข้อพิพาทเทคโนโลยียกที่สองระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกคู่นี้
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในจีนชี้ว่าแผนต่อกรสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ เป็นมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรอย่างบันยะบันยัง เพื่อปกป้องระบบการค้าพหุภาคี
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าว เป็นการกล่าวไล่หลังจากที่ นายแลร์รี่ คัดโลว์ที่ปรึกษาใหญ่ด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวชี้ว่ามาตรการโต้ตอบชุดล่าสุดของจีน อ่อนหน่อมแน้ม และเศรษฐกิจจีนก็กำลังชะลอตัว
สำหรับมาตรการขึ้นอัตราภาษีการค้าต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ทางการปักกิ่งประกาศในวันศุกร์ (3 ส.ค.) แบ่งเป็นสี่อัตรา ได้แก่ 25 เปอร์เซนต์ 20เปอร์เซนต์ 10เปอร์เซนต์ และ 5เปอร์เซนต์ โดยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีอัตราใหม่ ครอบคลุมรายการสินค้า 5,207 รายการ เช่น กาแฟ น้ำผึ้ง สินค้าเกษตร เหมืองแร่ ผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรม
“จีนถูกบีบให้ต้องใช้มาตรการโต้ตอบ และมาตรการภาษีที่จีนจะโต้กลับในครั้งนี้ เป็นการขึ้นภาษีระหว่าง 5 เปอร์เซ็นต์ ไปถึง 25 เปอร์เซ็นต์ หากทางสหรัฐฯเดินหน้าผลักดันข้อเสนอขึ้นภาษีต่อสินค้าจีนออกมามีผลบังคับใช้” แถลงการณ์กระทรวงการคลังในปักกิ่ง ระบุ
สำหรับการเคลื่อนไหวยื่นข้อเสนอการขึ้นภาษีการค้าจากสินค้าจีนในวอชิงตัน มีมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเพิ่มเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ จากอัตราเดิม 10เปอร์เซ็นต์
“มาตรการโต้ตอบของจีน มิได้หมายที่จะเอาคืนอย่างเท่าๆกับการขึ้นอัตราภาษีของทางสหรัฐฯ อัตราภาษีศุลกากรสี่อัตราที่จีนจะโต้ตอบสหรัฐฯนี้ มีความยืดหยุ่นมาก” เกา หลิงอวิ้น นักวิจัยประจำสถาบันศึกษาเศรษฐกิจและการเมืองโลก แห่งสถาบันการศึกษาวิทยาศาสตร์สังคมจีน (Chinese Academy of Social Sciences)กล่าว
“ในการตัดสินมาตรการภาษีศุลกากร จีนจะพิจารณาผลกระทบที่อาจมีต่อกลุ่มบริษัทและประชาชนจีน และยึดถือหลักการพื้นฐานคือลดผลกระทบด้านลบ ยกตัวอย่างเช่น สินค้าสหรัฐฯที่บริษัทและผู้บริโภคจีน จำเป็นต้องใช้ จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเพียง 5 เปอร์เซนต์” เกา กล่าว
เกากล่าวเพิ่มเติมว่า การขึ้นภาษีการค้าของจีนเป็นไปอย่างระมัดระวัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนพร้อมเสมอสำหรับการเจรจาภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ
“แผนการขึ้นภาษีของจีนผ่านการวิจัยและวิเคราะห์มาอย่างดี และมีเหตุมีผล ขณะที่ทางสหรัฐฯขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 25เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการ “หวดไม้แข็ง”” หลี่ หย่ง นักวิจัยอาวุโส ประจำสมาคมการค้าระหว่างประเทศของจีน
“ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯได้ยั่วยุให้เกิดข้อพิพาทการค้ากับหลายประเทศ” หวัง เหวิน คณบดีแห่งสถาบันฉงหยังเพื่อการศึกษาด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัยประชาชนจีน “มันเป็นไปไม่ได้สำหรับทำเนียบขาวจะประกัน “ความถูกต้อง” ของรายการภาษีศุลกากรของตน”
หวังชี้ว่า “ความถูกต้อง” ที่กล่าวนี้ หมายถึงการใช้มาตรการภาษีโต้ตอบประเทศเป้าหมายอย่างสาสมที่สุด เพื่อปกป้องกลุ่มบริษัทและผู้บริโภคสหรัฐฯ
“อย่างไรก็ตาม ในไม่กี่เดือนมานี้ผู้บริโภคสหรัฐฯจำนวนมากโอดครวญเกี่ยวกับแผนการขึ้นภาษีการค้าของทำเนียบขาว โดยพวกเขาต้องรับค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น เนื่องจากสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมาก ถูกเรียกเก็บภาษีแพงขึ้น”
หวังยังกล่าวว่า สิ่งที่ยืนยันได้ถึงความไม่ถูกต้องในนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ คือการประกาศของสำนักผู้แทนการค้าแห่งสหรัฐฯในเดือนก.ค. ที่แจ้งแก่กลุ่มบริษัทเกี่ยวกับการยื่นคำร้องเพื่อขอยกเว้นการขึ้นภาษีใหม่ต่อสินค้าจีน”
“สหรัฐฯต้องการที่จะก่อกวนระเบียบการค้าโลก รายการภาษีการค้า มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐของพวกเขา ไม่มีเหตุผล และไร้ความรับผิดชอบ” เหลียง หมิง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการค้าระหว่างประเทศ แห่งสถาบันการศึกษาจีนว่าด้วยความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์จีน
เหลียงได้ย้ำอีกว่าผู้บริโภคสหรัฐฯจะต้องจ่ายราคาให้กับนโยบายการค้าที่ไร้เหตุผลของทรัมป์ เช่น สหรัฐฯนำเข้าวัตถุดิบอุตสาหกรรม คือไนโตรซามีน จากจีน
ทั้งนี้ วอชิงตันได้บังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้า 25 เปอร์เซ็นต์ ต่อสินค้าจีน มูลค่า 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นการโต้ตอบการร้องเรียนของสหรัฐฯที่ว่าปักกิ่งขโมยหรือกดดันให้กลุ่มบริษัทถ่ายทอดเทคโนโลยี ฝ่ายปักกิ่งได้โต้กลับด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯในแบบที่คล้ายคลึงกัน สำหรับการต่อกรศึกการค้ารอบใหม่นี้ก็สืบเนื่องมาจากข้อพิพาทเรื่องเทคโนโลยีเช่นกัน
ในรายงานข่าวของเอพี ชี้ว่า การโต้ตอบภาษีการค้าจากฝ่ายจีนครั้งใหม่นี้ มีขนาดเล็กกว่าของฝ่ายสหรัฐฯ สะท้อนว่าจีนไม่มีตัวสินค้าสำหรับการตอบโต้แล้ว เนื่องจากดุลการค้าจีนเหนือสหรัฐฯ