xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights : ซีอาน VS เฉิงตู แห่งภาคตะวันตกจีน เมืองไหนจะมีศักยภาพเติบโตมากกว่ากัน?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างซีอานและเฉิงตู ความยาวทั้งเส้น 643 กิโลเมตร ความเร็วที่ออกแบบคือ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้ การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ลดเวลาจาก 16 ชั่วโมงเหลือเพียง 3 ชั่วโมง ภาพวันที่ 14 มี.ค. 2018 (ภาพ ซินหวา)
โดย ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกุล

วันนี้ผู้เขียนขอหยิบยกเมืองทางภาคตะวันตกของจีนที่ถูกกล่าวขึ้นมาเปรียบเทียบอยู่บ่อยๆ ว่าใครมีศักยภาพที่แกร่งกว่ากัน เมืองหนึ่งคือ “นครเฉิงตู” เมืองเอกของมณฑลเสฉวน อีกเมืองหนึ่งคือ “นครซีอาน” เมืองหลักของมณฑลส่านซี

เฉิงตู เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกมาทางใต้ ส่วนซีอานเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือ สองเมืองนี้ถือเป็นเมืองสำคัญของภาคตะวันตกจีนที่จะกลายเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนากลุ่มเมืองตอนในของประเทศ กอปรกับในปีหลังๆ มานี้รัฐบาลจีนทุ่มเทงบประมาณมหาศาลให้แก่การพัฒนาท้องที่นั้นเพื่อที่จะสร้างความเจริญและเป็นแรงผลักดันเมืองชนบทรอบข้างให้เจริญไปด้วย

การพัฒนาของสองเมืองนี้หากว่าดูในอดีตที่ผ่านมา เฉิงตูมีขนาดเศรษฐกิจ GDP ที่ใหญ่กว่าและเติบโตขึ้นมาก่อนซีอาน ที่ผ่านมาซีอานจะเน้นอุตสาหกรรมบริการและท่องเที่ยวเป็นหลัก เพราะมีจุดเด่นในด้านนี้เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์หลายพันปี ในแต่ละปีดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างชาติจำนวนมาก เมื่อปี 2017 ซีอานเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหม่แห่งชาติ” และกลายเป็นเมืองหลักแห่งใหม่ของประเทศจีน ช่วงปีที่ผ่านมาจนปีนี้กระแสของเมืองซีอานมาแรงมาก จนมีคนขนานนามว่า “网红城市” หรือ Internet celebrity city ยุทธศาสตร์ใหม่ที่มุ่งเน้นมาที่ซีอานทำให้เมืองนี้เป็นที่ถูกจับตามองอย่างมาก หลายคนเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ซีอานเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรามาดูการเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานระหว่างเฉิงตูและซีอานดังนี้

1. ขนาดของเมืองส่วนกลาง : เฉิงตูมีพื้นที่ 14,605 ตารางกิโลเมตร มีประชาชนอาศัยอยู่ในเขตเมือง 15 ล้านคน ส่วนซีอานมีพื้นที่ 10,108 ตารางกิโลเมตร ประชาชนอาศัยอยู่ในเขตเมือง 8 ล้านกว่าคน

2. ขนาดของเศรษฐกิจ GDP :ในปี 2017 รัฐบาลกลางประกาศตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจของแต่ละเมืองในประเทศ “Top 40” สามอันดับแรกได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว สำหรับเมืองเฉิงตูอยู่ในลำดับที่ 13 มีขนาดเศรษฐกิจ 3 แสนล้านหยวน ส่วนซีอานอยู่ในอันดับรั้งท้ายที่ 36 มีขนาดเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้านหยวน

3. การคมนาคมขนส่ง : การคมนาคมทางถนนซีอานนำหน้า แต่ถ้าการคมนาคมทางอากาศเฉิงตูแซงทางโค้ง เฉิงตูเป็น 1 ใน 6 ศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะทางอากาศ ทางรถไฟ และในเมืองตอนใน เฉิงตูเป็นเมืองที่มีสถานทูตของประเทศต่างๆ รวมตัวอยู่มากที่สุด เส้นทางการเดินทางทางอากาศไปต่างประเทศมากที่สุดเทียบกับบรรดาเมืองในภาคตะวันตกจีน

ขณะที่เมืองซีอานเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมโบราณที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใหม่ในศักราชนี้ ซีอานเป็นเมืองที่เชื่อมโยงการคมนาคมทางบกไปทางยุโรปและประเทศตะวันตกอื่นๆ เป็นศูนย์กลางถนนหลวงเส้นหลักที่มาบรรจบกันและแตกแขนงออกไปยังที่ต่างๆ ขณะนี้ซีอานกำลังขยายสนามบินนานาชาติเพื่อรองรับสายการบินจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เมื่อปี 2017 ซีอานได้รับการแต่งตั้งเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหม่แห่งชาติ” และกลายเป็นเมืองหลักแห่งใหม่ของประเทศจีน ช่วงปีที่ผ่านมาจนปีนี้กระแสของเมืองซีอานมาแรงมาก ภาพ: หุ่นดินเผากองทัพทหารจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่เมืองซีอาน เมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญแหล่งหนึ่งของโลกด้วยประวะวัติศาสตร์อารยธรรมกว่า 5,000 ปี (แฟ้มภาพ ซินหวา)
4. วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว :ที่จริงแล้วทั้งซีอานและเฉิงตูมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานทั้งคู่ แต่ว่าหากนับย้อนหลังซีอานเก่าแก่กว่าเฉิงตู มากล่าวถึงซีอานก่อน ซีอานคือเมืองโบราณใหญ่ 1 ใน 4 ของจีนและยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญแหล่งหนึ่งของโลกด้วย มีอารยธรรมยาวนานกว่า 5,000 ปี มีประวัติศาสตร์การสร้างเมืองมากว่า 3,100 ปี เป็นเมืองหลวงในประวัติศาสตร์มา 1,100 กว่าปี สถานที่และวัตถุโบราณที่ขึ้นชื่อส่วนใหญ่ตกทอดมาจากยุคสมัยจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ ช่วงที่รุ่งเรืองสูงสุดคือสมัยราชวงช์ถัง มีเมืองเสียนหยางและสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ขึ้นชื่อ เป็นต้น ซีอานเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านการท่องเที่ยว ในจำนวนสิ่งก่อสร้างโบราณมี 6 แห่งที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

ด้านเมืองเฉิงตูเป็นเมืองโบราณ 1 ใน 10 ของจีน มีประวัติศาสตร์การสร้างเมืองกว่า 2,600 ปี ในปัจจุบันมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 2 แห่ง และกำลังจะขึ้นทะเบียนฯอีก 2 แห่ง หากนับจำนวนสถานที่และสิ่งก่อสร้างโบราณที่หลงเหลือในภาคตะวันตกจีน เฉิงตูมีจำนวนมากที่สุด

5. สถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย : หากนับการกระจุกตัวของสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง “ซีอานนำเฉิงตู” เฉิงตูมีสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทั้งหมด 56 แห่ง โดยเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในแผนพัฒนาการศึกษาระดับชาติ จำนวน 5 แห่ง ส่วนซีอานมีสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทั้งหมด 63 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในแผนพัฒนาการศึกษาระดับชาติ จำนวน 7 แห่ง ซีอานเป็นเมืองที่อัตราคนได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมากกว่าเฉิงตู

6. อาหาร : ซีอานจะเน้นอาหารเส้น ส่วนเฉิงตูมีอาหารกินเล่นมากมาย รสชาติเผ็ดร้อน ทั้งสองที่มีอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง รสชาติอร่อยไปคนละแบบ

7. โครงสร้างอุตสาหกรรม : เฉิงตูมีอุตสาหกรรมเกษตร 1.9% อุตสาหกรรมการผลิต 46.20% และอุตสาหกรรมบริการ 51.8% ด้านซีอานมีอุตสาหกรรมเกษตร 1.9% อุตสาหกรรมการผลิต 32.30% และอุตสาหกรรมบริการ 65.8% จากตัวเลขที่เปรียบเทียบนี้จะเห็นว่าเฉิงตูมีอุตสาหกรรมการผลิตที่ก้าวหน้ากว่าซีอาน ในขณะที่ซีอานมีอุตสาหกรรมการบริการที่แข็งแรงกว่า

ทั้งเมืองซีอาน และเมืองเฉิงตู ต่างมีที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของแผ่นดินจีน สองเมืองนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบกันอยู่บ่อยๆ อีกอย่างหนึ่งทั้งสองเมืองนี้ก็มีการแข่งขันซึ่งกันและกันอยู่ในนัย สองเมืองนี้ห่างกันเพียง 700 กว่ากิโลเมตร ถือว่าใกล้หากเทียบกับแผ่นดินใหญ่ที่มีเนื้อที่ประเทศกว้างขวางอย่างจีน

หากเทียบกันในปัจจุบันการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเฉิงตูไปไกลกว่าซีอาน แต่ซีอานมีความหวังขึ้นมาเพราะการดำเนินนโยบาย “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (B&R) หรือเส้นทางสายไหม ในอนาคตซีอานจะเป็นเมืองเริ่มต้นที่เชื่อมต่อไปยังทวีปยุโรป พร้อมกับการกระตุ้นการเติบโตของเมืองชั้นในภายใต้แผนพัฒนา “การบุกเบิกภาคตะวันตก” (西部大开发) ที่ดำเนินมาตลอดช่วงสิบปีหลังนี้ ในอนาคตซีอานและเฉิงตูจะเติบโตไปด้วยกัน การวางแผนเชื่อมต่อสองเมืองนี้เข้าด้วยกันของรัฐบาลจีนกำลังดำเนินไปอย่างแข็งขัน

รถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างสองเมืองนี้เริ่มใช้เมื่อต้นปีที่แล้ว ในอนาคตจะช่วยหนุนการเติบโตระหว่างสองเมืองนี้ยิ่งขึ้น การเดินทางของประชาชนสะดวกมากยิ่งขึ้น รัฐบาลกลางหวังให้สองเมืองนี้เชื่อมต่อซึ่งกันและกัน อีกทั้งส่งเสริมการเติบโตของเมืองต่างๆ ในภาคตะวันตกไปด้วยกัน

ขณะเดียวกัน สายตาของคนทั้งประเทศก็จับจ้องดูการเติบโตของสองเมืองนี้ ไม่กี่ปีมานี้ทั้งสองเมืองดึงดูดบริษัทต่างๆ เข้าไปลงทุนมากขึ้น มีคนเข้าไปพำนักและทำงานมากขึ้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการพัฒนาเมืองในเขตตอนใน ในระยะยาวก็ต้องดูต่อไป แต่ตามแนวโน้มการเติบโตของสองเมืองนี้ผู้เขียนคิดว่ากำลังร้อนแรงอยู่เลยทีเดียวค่ะ




กำลังโหลดความคิดเห็น