เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ (22 ม.ค.) - รายงานว่า เอเชียกำลังเป็นปลายทางดึงดูดเงินลงทุนร่วมมหาศาล จากที่เคยไหลไปสหรัฐฯ โดยเมื่อปีที่แล้ว พ.ศ.2560 มูลค่าลงทุนในเอเชียเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 7.08 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับสหรัฐฯ ที่มีอัตราการเติบโตเพียง 17% ที่ 7.19 หมื่นล้านเหรียญ
จากข้อมูลล่าสุดของ PwC / CBI Insights การลงทุนรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้นราว 50% เป็นมูลค่า 164,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงเป็นสถิตินับจากหลังพ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นผลมาจากผลกำไรของการลงทุนในเอเชีย
ใน 6 รายการลงทุนใหญ่ที่สุดในโลกปี 2560 เป็นการลงทุนในจีน 4 รายการ ได้แก่ การลงทุนในกิจการแชร์ริ่งของตีตี้ (Didi Chuxing)จำนวน 4 พันล้านเหรียญ, China Internet Plus (หรือกลุ่มที่ควบรวมฯ ทำข้อตกลงกับ Meituan-Dianping) ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ, สตาร์ทอัพธุรกิจแชร์ริ่งจักรยาน Ofo ที่ 1 พันล้านเหรียญ และ รถยนต์ไฟฟ้า Nio ที่ 1 พันล้านเหรียญ
ในช่วงปลายปี การสำรวจการลงทุนร่วม ของ KPMG หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีสี่แห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แบ่งเป็นตัวเลขในประเทศจีน และสังเกตว่าการร่วมลงทุนในจีนเพิ่มขึ้น 15% ในปีที่ผ่านมา เป็นจำนวนมากกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญ โดยกิจการบริการปัญญาประดิษฐ์, เทคโนโลยีอัตโนมัติ คือกิจการที่มีการลงทุนร้อนแรงที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (4 ม.ค.) ไชน่าเดลี รายงานดัชนี Hurun Greater China Unicorn Index 2017 เผยอันดับบริษัทสตาร์ทอัพจีนที่มีมูลค่าเกินพันล้าน โดยสำรวจจากสตาร์ทอัพในประเทศจีน ที่มีมูลค่าบริษัทเกิน 1 พันล้านเหรียญ หรือที่เรียกว่า ยูนิคอร์น จำนวน 120 ราย มีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านหยวน (4.58 แสนล้านเหรียญ) โดยในจำนวนสำรวจ 120 รายนี้ อยู่ใน 5 เมืองใหญ่ 105 แห่ง มูลค่ารวม 2.86 ล้านล้านหยวน โดยปักกิ่ง ครองอันดับหนึ่ง โดยมีสตาร์ทอัพยูนิคอร์นจำนวน 54 แห่ง รองลงมาคือเซี่ยงไฮ้ มี 28 แห่ง ตามด้วย หังโจว มี 13 แห่ง ที่น่าสังเกตคือ เมืองหังโจว แม้มีสตาร์อัพยูนิคอร์นน้อยกว่าเซี่ยงไฮ้ แต่มูลค่ารวมกลับสูงกว่าเซี่ยงไฮ้อันดับสองแล้ว