ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เป็นประจำทุกปี และนับเป็นวาระพิเศษที่ ยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียนการแสดงโขนไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ โดยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยรายการแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา
ในปี 2562 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงได้เปิดการแสดงโขนอีกครั้ง โดยเลือกบทโขนรามเกียรติ์ ตอน “สืบมรรคา” มาจัดแสดงตามรูปแบบโขนหลวง ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานคณะกรรมการจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าวถึงการแสดงโขน ตอน “สืบมรรคา” ว่า นอกจากจะมีเนื้อหาสนุกสนานและชวนติดตามแล้ว ยังมีตัวละครใหม่ๆ เช่น นกสัมพาที นางผีเสื้อสมุทร นางอังกาศตไล ยักษ์ปักหลั่น และที่น่าจับตาชมคือ เครื่องแต่งกายที่แปลกตากว่าตอนอื่นๆ เช่น ทศกัณฐ์สวมศีรษะโขนหน้าทอง มีผ้าคล้องไหล่ พวงมาลัยคล้องพระกรขวา และพัดด้ามจิ้วจันทน์ที่ใช้สะบัดประกอบท่ารำ รวมถึงจะได้ชมกระบวนรำฉุยฉายทศกัณฐ์ลงสวนที่สวยงาม แสดงความเจ้าชู้ยักษ์ของตัวทศกัณฐ์ที่เข้าไปเกี้ยวพาราสีนางสีดา
อาจารย์ประเมษฐ์ บุญยะชัย ที่ปรึกษาอาวุโส กล่าวถึง “ทศกัณฐ์หน้าทอง” ว่า เป็นหัวโขนทศกัณฐ์หน้าสีทอง ฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นวรวัฒน์สุภากร ซึ่งตกทอดมายังกรมมหรสพ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ตามลำดับ โดย ครูอร่าม อินทรนัฎ ได้นำมาใช้เพื่อสร้างความแตกต่าง และแสดงให้เห็นถึงทศกัณฐ์ที่อารมณ์ดี หน้าตาผ่องใส รวมทั้งกระบวนท่ารำในครั้งนี้ ที่เชื่อกันว่าสืบทอดมาจากกรมมหรสพในรัชกาลที่ 6 โดยครูอร่ามได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณหญิงนัฏกานุรักษ์ และนำมาถ่ายทอดสู่รุ่นครูต่างๆ ซึ่งถือเป็นกระบวนท่าที่รักษาและสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น”
ดร. สุรัตน์ จงดา ผู้เขียนบทและกำกับการแสดง กล่าวว่า “สำหรับตอนนี้มีการทำฉากเทคนิคให้พิเศษกว่าทุกปี แฟนตาซีกว่าเดิม สนุกสนานขึ้น และจะได้เห็นหนุมานผจญภัยที่ด่านต่างๆ จนถึงเมืองลงกา รวมทั้งฉากไฮไลต์ เช่น แม่น้ำใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากเด่นของตอน โดยหนุมานและเหล่าวานร พบแม่น้ำใหญ่ หนุมานจึงนิรมิตกายให้ใหญ่โตเอาหางพาดต่างสะพานให้กองทัพวานรไต่ข้าม อีกทั้งยังมีตัวละครใหม่ๆ อย่าง นางอังกาศตไล ที่จะปรากฏเฉพาะในตอนนี้เท่านั้น ตลอดจนท่วงท่าการรำที่ได้มีการรื้อฟื้นท่ารำแม่บทเก่าแก่ขึ้นมาใหม่ ซึ่งยังไม่เคยแสดงในการโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ครั้งใดมาก่อน”
สำหรับฉากที่ “หนุมานรบนางอังกาศตไล” ซึ่งเป็นเสื้อเมืองลงกา ผู้คุมด่านทางอากาศ นางยักษ์สวมใส่มงกุฎยอดน้ำเต้าห้ายอด สีหงเสน (สีส้มแดง) แต่งกายด้วยผ้าสไบนางยักษ์ แต่นุ่งโจงกระเบน มีสี่หน้า แปดมือ สามารถใช้อาวุธได้มากมาย อย่าง ง้าว กระบอง จักรศร รวมทั้งได้เห็นความซุกซนของหนุมานที่หยอกล้อนางอังกาศตไลหลายกระบวนท่า ที่เด็ดสุดคือท่าเปิดสไบ ซึ่งสไบนี้ได้จัดทำขึ้นใหม่ โดยระดมสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จ.อ่างทอง และสมาชิกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา ปักเป็นลวดลายสำหรับนางยักษ์ คือลายพุ่มหน้ากาลก้านแย่ง ออกแบบโดย อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย
การแสดงโขนส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “สืบมรรคา” มี 2 องก์ รวม 10 ตอน โดยมีฉากรบเด่น เช่น ฉากหนุมานรบนางอังกาศตไล, ฉากกลางทะเล ที่หนุมานเหาะมาถึงกลางทะเล นางผีเสื้อสมุทร รักษาด่านเมืองลงกา เห็นหนุมานเหาะมาจึงนิมิตขวางหน้าไว้และจะกินหนุมาน หนุมานจึงเหาะเข้าปากผ่าท้องนางผีเสื้อสมุทร และฉากรักเด่น เช่น ฉากตำหนักในกรุงลงกา ซึ่งเล่าถึงทศกัณฐ์ตั้งแต่ได้นางสีดามาและนำไปไว้ในสวนขวัญ ทศกัณฐ์เฝ้าคิดถึงแต่นางสีดาทุกคืนวัน ทศกัณฐ์จึงสั่งให้จัดขบวน และแต่งกายให้งดงามเพื่อไปเกี้ยวนางสีดาที่สวนขวัญ เป็นต้น
เปิดการแสดงในวันที่ 6 พฤศจิกายน - 5ธันวาคม 2562 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สำรองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com ติดตามข่าวสารได้ทาง www.khonperformance.com, เฟซบุ๊ก Khon Performance โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ