>>พูดคุยกับดีไซเนอร์สาวไซส์เล็กพริกขี้หนู ถึงเรื่องราวการทำงานคอลเลกชันใหม่ที่เธอยกคุณยายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ส่วนไอดอลในการทำงานและการใช้ชีวิต เธอน้อมเอาคำสอนและแนวทางปฏิบัติของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเก็บไว้ด้วยหัวใจแห่งความศรัทธา
ณัฐ-ณิชชา ธนาลงกรณ์ ทายาทแบรนด์ชุดชั้นในจินตนา ลูกสาวคนเดียวของ วิยะดา ธนาลงกรณ์ และโสฬส เอี่ยมอมรพันธ์ โดยที่ผ่านมา เธอได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อสิ่งที่รัก และฟูมฟักจนแบรนด์ไทยน้องใหม่อย่าง “ณิชชา” (Nicha) เติบโตอย่างแข็งแรงมาจนเข้าปีที่ 4 แล้ว
ในซีซั่นนี้เธอพาแบรนด์ณิชชามาสร้างสีสันด้วยผลงานคอลเลกชันใหม่ ที่สะท้อนถึงความรักและความคิดถึงที่มีต่อคุณยายผู้เป็นที่รักได้อย่างน่าสนใจ กับผลงานล่าสุดจากคอลเลกชัน Reminiscence ซึ่งเธอหยิบเอากลิ่นอายของแฟชั่นหญิงไทยในยุค 1950 สมัยคุณยายยังสาว และเพิ่งเริ่มต้นสร้างแบรนด์ชุดชั้นในจินตนามาถ่ายทอด พร้อมหยิบเอาลูกไม้ บรา คอร์เซตมาเป็นกิมมิคให้คอลเลกชันนี้มีความน่าค้นหามากขึ้น
“คอลเลกชันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ณัฐดึงเอาคนใกล้ตัวมาเป็นแรงบันดาลใจ พร้อมเพิ่มความสนุกให้คอลเลกชันด้วยการเติมสีสันเข้าไป อย่างสีส้ม สีเขียวเข้ม ใช้ลายลูกไม้ที่เป็นลิขสิทธิ์ของเราโดยเฉพาะ เพราะต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดเสื้อผ้าตอนนี้สูงมาก แบรนด์เสื้อผ้าในอินสตราแกรมตอนนี้หลายแบรนด์คุณภาพ คัตติงดีทีเดียว เพราะฉะนั้น เราก็ต้องปรับตัว สร้างความโดดเด่นให้กับสินค้า ให้ลูกค้าซื้อไปใส่แล้วรู้สึกว่าชุดของเราช่วยให้เขาดูโดดเด่น” ดีไซเนอร์หน้าเก๋ที่วันนี้เลือกใส่ชุดเดรสสีดำเรียบๆ แต่มีดีเทล หนึ่งในผลงานจากคอลเลกชันล่าสุด บอกเล่าอย่างออกรส
แต่ถึงแม้จะลงรายละเอียดในการออกแบบเพื่อสร้างซิกเนเจอร์ให้กับผลงานขนาดไหน สุดท้ายก็ยังไม่วายถูกก็อปปี้ไอเดียอยู่ดี “เจอของก็อปเหมือนกันคะ แต่ณัฐไม่แคร์ ณัฐคิดว่าเพราะของเราดี แบรนด์เราแข็งแรง ถึงมีคนเลือกที่จะก็อปปี้ของเรา ซึ่งมองในแง่ดีก็น่าภูมิใจนะคะ (หัวเราะ) แถมบางทีถ้าเขาเอารูปนางแบบของเราไปลง ก็เท่ากับว่าเป็นการช่วยโปรโมตแบรนด์เราไปในตัว ถามว่ากลัวมั้ย ณัฐไม่กลัวค่ะ ณัฐว่าลูกค้าที่ซื้อแบรนด์เรากับลูกค้าที่ซื้อของก็อปเป็นลูกค้าคนละกลุ่ม ณัฐพยายามไม่เครียดกับเรื่องนี้ เพราะเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม” ดีไซเนอร์สาวร่างเล็กกล่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะปรับโหมดมาจริงจังอีกครั้งเมื่อถามถึงบุคคลที่สาวเก่งยกให้เป็นไอดอลในการทำงาน
‘ในหลวง ร.9 ทรงเป็นแบบอย่างในการทำงานของณัฐ หนึ่งในพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านที่ณัฐเก็บไว้เป็นหลักในการทำงานเสมอคือ ‘การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่พอ จะต้องอาศัยความรู้รอบตัวและหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดีแต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมมนุษย์’ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่ณัฐมาจากความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ได้เอาเปรียบใคร จะทำอะไรต้องวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย การทำธุรกิจของณัฐไม่ได้เอาแต่ผลประโยชน์หรือเงินเป็นที่ตั้งเท่านั้น แต่ต้องมาพร้อมความถูกต้อง บางคนอาจจะมองว่าธุรกิจที่ณัฐทำ ขัดกับคำสอนเรื่องความพอเพียง แต่ณัฐมองว่าเสื้อผ้าขอณัฐอาจจะมีราคาประมาณหนึ่ง แต่คนที่ซื้อเขาก็ต้องมีฐานะและรายได้พอที่จะซื้อได้ นิยามของคำว่าพอเพียงไม่ใช่การประหยัด แต่เป็นการใช้จ่ายอย่างพอประมาณ ณัฐว่าคำจำกัดความของคำว่าพอเพียงขึ้นอยู่กับฐานะของแต่ละคนมากกว่า”
นอกจากหลักคำสอนเรื่องการทำงานแล้ว ณัฐยังยกให้พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของคนไทยเป็นต้นแบบเรื่องการมีสติในการดำเนินชีวิต
“พระองค์ทรงเป็นต้นแบบการใช้ชีวิตจริงๆ ตั้งแต่เด็ก คุณยายคุณแม่รวมทั้งคนที่ณัฐเคารพล้วนปลูกฝังถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านมาตลอด จนโตขึ้นณัฐเห็นและศึกษาถึงสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อคนไทยก็ยิ่งซาบซึ้ง เชื่อมั้ยว่าก่อนหน้าที่จะมีแถลงการณ์สวรรคตจากสำนักพระราชวัง 1 วัน ณัฐก็ไปที่โรงพยาบาลศิริราช พอวันรุ่งขึ้นทราบข่าวก็รีบไปศิริราชเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือ อยากไปอยู่ใกล้พระองค์ท่านที่สุด พอวันที่ 14 ต.ค.ที่จะมีการเคลื่อนพระบรมศพ ณัฐไปรอที่ศิริราชเลย เพื่อหวังจะได้ไปส่งเสด็จ ครั้งนั้นณัฐโชคดีได้นั่งอยู่หน้าสุดเลย” ดีไซเนอร์ย้อนภาพวันวานที่ชัดเจนอยู่ในใจ พร้อมย้ำว่า “วันที่ 26 ต.ค.นี้ เธอก็ตั้งใจจะไปร่วมแสดงความจงรักภักดี
ทั้งนี้ ณัฐยังบอกด้วยว่า สำหรับเธอ พระองค์ท่านคือพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงมีอัจฉริยภาพรอบด้านอย่างหาใดเปรียบ “ในฐานะที่ณัฐเรียนด้านศิลปะมา เวลาเห็นผลงานฝีพระหัตถ์ของพระองค์ท่านไม่ว่าจะเป็นผลงานจิตรกรรม ผลงานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ล้วนเป็นผลงานที่ต้องเรียกว่าสุดยอดจริงๆ พระองค์ทรงเป็นอัครศิลปิน เป็นนักบริหารประเทศที่ยิ่งใหญ่จริงๆ” ดีไซเนอร์สาวกล่าวทิ้งท้าย
