หลังตัดสินใจเข้ารับราชการทหารอากาศ ตามรอยเท้าพ่อแล้ว ดูเหมือนสาวหวานร่างเล็ก เรืออากาศตรีหญิงชนาทิพย์ จันทรุเบกษา ลูกสาวคนโตของ "บิ๊กแดง" พล.อ.อ.ชนินทร์ นายกสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ก็หายหน้าหายตาไปจากวงสังคม เมื่อมีโอกาสพบปะเลยต้องรีบให้เธอเล่าเรื่องราวสนุกๆ ของชีวิตการเป็นทหารให้ฟังในทันที
จากอดีตสาวน้อยเดบูตองส์ผู้อ่อนหวาน กลายเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็ง ทิพย์-ชนาทิพย์ เปิดฉากเล่าว่า ตอนนี้ประจำอยู่สังกัดกรมข่าวทหารอากาศ กองการต่างประเทศ รับผิดชอบงานด้านต่างประเทศ ต้องพบเจอผู้ใหญ่ ทำให้ทิพย์ต้องปรับตัวเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แม้หลายคนจะมองว่าเชย แต่ทิพย์บอกว่าอยู่ที่นี่มีความสุข เพราะเพื่อนร่วมงานทำงานกันเป็นเหมือนครอบครัว ต่างจากเมื่อครั้งฝึกงานบริษัทเอกชน ที่สังคมค่อนข้างเครียด ต้องแข่งขันกันตลอด
คำบอกเล่าถึงวิถีการทำงานของดูเหมือนจะง่ายและสบาย หากแต่ทิพย์บอกว่า ก่อนจะประจำกรมกอง ทหารทุกคนต้องผ่านการเรียนการฝึกภาคสนามอย่าหนัก ไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวบิ๊กแดง โดยเบื้องต้นต้องเรียนวิชาทหารทั้งภาคทฤษฎี โดยจะเรียนเรื่องยุทธศาสตร์กองทัพ เทคนิคการรบ รวมถึงความรู้เรื่องเครื่องบินแต่ละรุ่นว่ามีประสิทธิภาพอย่างไร และของไทยมีเครื่องบินแบบไหนบ้าง มีกี่ลำ
ส่วนภาคสนามก็ฝึกจริง เดินเท้าเข้าป่า ต้องกินนอนที่นั่น ซึ่งทำให้สาวน้อยคนนี้ได้เรียนรู้ความอดทน และการเสียสละ ทิพย์บอกว่า แต่ละรุ่นที่ฝึกจะมีเป็นร้อยคน พอเข้าป่ามีการซ้อมรบ ได้นอนวันละประมาณ 3-4 ชั่วโมง
“ได้รู้เลยว่าง่วงที่สุด หิวที่สุด เหนื่อยที่สุด อดที่สุดมันเป็นอย่างไร เพราะเราเกิดมาสบายอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่เลี้ยงดูอย่างดี ไม่เคยอด พอมาอยู่รวมกันแบบนี้ เราจะเห็นทันทีว่าใครเป็นอย่างไร ตัวเราเองเห็นแก่ตัวหรือไม่ อย่างน้ำดื่มก็ต้องแบ่งปันกัน หิวมีข้าวนิดนึงก็ต้องแบ่งกันกิน เราหิวคนอื่นก็หิว ทุกคนจะแบ่งกัน เราผ่านความทุกข์ อดทนมาด้วยกัน ตรงนี้ทำให้เรารักกัน”
อย่างไรก็ตาม การเป็นทหารใช่ว่าจะมีแต่ฝึกรบ ฝึกยิงเท่านั้น เรื่องราวความสนุกสนานในกองทัพอากาศก็ยังมีอยู่มาก ทิพย์ยกตัวอย่างความสุขที่สัมผัสได้เมื่อครั้งอยู่ป่าว่า ด้วยความที่เป็นคนรักสวยรักงาม เมื่อต้องไปอยู่ป่า เธอรู้ชะตากรรม จึงเตรียมครีมบำรุงผิวไปเยอะมาก
“ตอนนั้นต้องไปฝึกที่ค่ายลพบุรี รู้ว่าต้องเจอแดดแรงแน่ วันแรกก่อนฝึกก็ทาครีมกันแดดทั้งหน้าทั้งตัว (หัวเราะ) ปกป้องผิวสุดฤทธิ์ โบ๊ะเต็มที่ ออกไปฝึก 2-3 ชั่วโมง ได้เวลาพักกลับมาโบ๊ะต่อ เพื่อนที่ฝึกก็มีทาเหมือนกัน คนที่ไม่ทาเขาก็นั่งขำ วันที่สองเริ่มฝึกหนักขึ้น เหนื่อยเวลาพักเหมือนน้อยลง จะโบ๊ะมากก็ไม่ทัน ได้นิดนึงก็ยังดี ถัดมาวันหลังๆ ยิ่งหนักไม่มีเวลาเลย ได้พักขอล้มตัวนอนก่อน (หัวเราะ) ตอนนั้นผมสั้น-ตัวดำดูไม่ได้เลย กลับบ้านแม่เห็นน้ำตาจะไหลลูกสาวฉันตัวดำปี๋”
เมื่อถามว่าฝึกหนักจนตัวดำแบบนี้หรือเปล่า คนถึงว่าพวกทหารอากาศมักขาดรัก น้องทิพย์รีบปฏิเสธทันที แถมยืนยันว่าทหารอากาศทุกหน่วยงาน ล้วนแต่สวย-หล่อ สมาร์ท มาดเท่เหมือนกันหมด แต่ถ้าโดดเด่นหน่อยก็ยกให้พวกนักบิน “นักบินหน้าหล่อ ตัวขาว เพราะส่วนใหญ่ฝึกอยู่แต่ในเครื่องบิน อยู่ในกรมได้เห็นหน้ากันบ่อยๆ ก็รู้จักบ้าง เวลาพักกลางวันทิพย์เห็นพวกนักบินชอบไปนั่งกินกาแฟข้างนอกกัน ตอนแรกแปลกใจ อาหาร-กาแฟในกรมก็มีแต่ทำไมไม่กินต้องไปกินกันข้างนอก เครื่องแบบไม่เปลี่ยน ตอนหลังแอบคิดขำๆ คนเดียวว่า ไปโชว์สาวแน่เลย พอเจอหน้าถ้ารู้จักทิพย์จะแกล้งแซวเป็นเรื่องขำๆ ในกรม”
อีกเรื่องที่เธอบอกว่า อายมากและจำจนถึงทุกวันนี้คือ วันแรกที่เข้ากรมทหาร เธอยอมรับว่ายังไม่รู้จักอะไรเลย ทหารรุ่นพี่พาแนะนำสถานที่ ระหว่างทางเจอใครก็ยกมือไหว้หมด แม้แต่พลทหารรุ่นน้อง ทำเอาทหารเกณฑ์อ้ำอึ้งมึนงงรีบไหว้ตอบ รุ่นพี่ต้องบอกว่า แบบนี้คือพลทหาร การทักทายคือตะเบ๊ะ เมื่อเจอหน้าพลทหารคนเดิม แม้จะอายแต่ถือเป็นเพื่อนร่วมงาน ได้รู้จักเพื่อนใหม่เป็นมิตรภาพที่ดี
นับจากวันที่ก้าวเข้ามารับราชการจนถึงวันนี้ เป็นเวลานานกว่า 1 ปีแล้ว ถามว่าเธอรู้สึกเบื่อกับกฎระเบียบที่เข้มงวดหรือไม่ ทิพย์บอกว่าไม่เลย ระเบียบทำให้เธอมีวินัย แต่ข้อเสียของงานราชการคือเงินเดือนน้อย ตรงนี้ทำให้เธอรู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้น เมื่อก่อนอยากได้อะไรก็ซื้อทันที เงินไม่พอขอพ่อและแม่ แต่ตอนนี้มีเท่าไรใช้เท่านั้น “อีกอย่างคืองานสังคม งานอีเว้นต์ก็ไม่ได้ค่อยได้ออกแล้ว เพราะไม่สะดวกหลายๆ อย่าง ก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินมาก ไม่ต้องซื้อกระเป๋าแพง เสื้อผ้า หน้า ผม ก็ไม่ค่อยได้แต่ง ค่าใช้จ่ายก็ลดลง เงินเดือนพอใช้”
เมื่อถามว่า ไม่รู้สึกเสียดายชีวิตที่เต็มไปด้วยแสงสีตามงานสังคม งานอีเว้นต์ เป็นคนดังที่มีคนห้อมล้อมหรือ เรืออากาศตรีสาวชนาทิพย์ ตอบทิ้งท้ายชัดเจนว่า ไม่แล้ว เพราะเมื่อออกมาอยู่ห่างๆ แล้วมองเข้าไป ทำให้รู้สึกว่าชีวิตเรามีอะไรให้ทำอีกมากมาย ทุกวันนี้งานที่เธอทำก็ต้องพบปะผู้คนมากมาย ทำให้ไม่เหงา อีกทั้งรอบๆ ตัวเธอก็มีแต่เพื่อนทหารที่เธอรักและเขาก็รักเธอ
สุดท้ายที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ เธอรู้สึกภูมิใจที่อย่างน้อย ได้เกิดเป็นคนไทยและได้มีโอกาสมารับใช้ชาติ แม้จะเป็นเพียงฟันเฟืองเล็กๆของกองทัพอากาศก็ตามที