จะกี่ระลอกก็ไม่เคยทิ้งกัน! กลุ่ม ปตท. ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 พร้อมเดินหน้าสานต่อโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ช่วยเหลือทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชน เพื่อฝ่าฟันผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกันโดยเร็วที่สุด...
นับจากระลอกแรกที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ “โควิด-19” แพร่ระบาดและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทย กลุ่ม ปตท. ไม่นิ่งนอนใจ และเร่งให้ความช่วยเหลือในหลากหลายด้าน ผ่านโครงการต่าง ๆ โดยล่าสุดผุดโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วย รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ
“ลมหายใจเดียวกัน”
พร้อมเป็นพลังช่วยสังคม
ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดระลอก 3 ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น กลุ่ม ปตท. ก็ระดมการช่วยเหลืออย่างเข้มข้นขึ้นเช่นกัน ผ่านโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ที่จัดตั้งขึ้นด้วยแนวคิดว่า คนไทยทุกคนต่างก็มีลมหายใจเดียวกัน และพร้อมจะร่วมเป็นพลังฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันโดยเร็วที่สุด
โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปตท. ได้ให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในการจัดหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ ให้แก่ชุมชนพื้นที่ กทม. ที่มีการระบาดโควิด-19 เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ ทั้งในเขตหลักสี่ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดินแดง และเขตคลองเตย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ป่วย ผู้พิการในชุมชน รวมทั้งกลุ่มแรงงานในพื้นที่ที่อาจจะเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ยากหรือมีความลำบากในการลงทะเบียนรับวัคซีน
ขณะเดียวกันก็ระดมพนักงานกลุ่ม ปตท. ร่วมเป็นจิตอาสาในส่วนของการทำงานกับหน่วยบริการ ช่วยบริหารจัดการคิวผู้เข้ารับวัคซีน ประสานงาน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนั้นยังได้ร่วมสนับสนุนอาหาร น้ำดื่มแก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ในหน่วยต่าง ๆ อีกทั้งจัดเตรียมสินค้าวิสาหกิจชุมชนจากโครงการ ‘ชุมชนยิ้มได้’ ที่ ปตท.ได้ส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคเกษตรกร มอบให้กับประชาชนที่มาฉีดวัคซีน โดยหวังว่า ปตท. จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่จำเป็นต้องเข้าถึงวัคซีนอย่างเร่งด่วน อันจะช่วยยับยั้งการระบาดของโควิด-19 และช่วยขับเคลื่อนต่อลมหายใจเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวโดยเร็วต่อไป
ภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” กลุ่ม ปตท. ได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการมอบ เครื่องช่วยหายใจ (ICU Ventilator) สำหรับผู้ป่วยวิกฤติ เครื่องให้ออกซิเจนอัตราไหลสูง (High-Flow Nasal Oxygen) ที่ช่วยลดและชะลอการลุกลามของปอดอักเสบไม่ให้รุนแรงจนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ รวมจำนวนกว่า 360 เครื่อง พร้อมทั้งมอบงบประมาณจัดซื้อออกซิเจนเหลว (Liquid Oxygen) เพื่อใช้ร่วมกับเครื่องช่วยหายใจ เพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ควบคุมสูงทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และสนับสนุนอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็น เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านการรองรับผู้ป่วย COVID-19 ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นจัดหาหมวกอัดอากาศป้องกันการติดเชื้อความดันบวก หรือ PAPR (Power Air Purifying Respiratory) สนับสนุนห้องความดันลบ พร้อมส่งต่อกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ สนับสนุนอาหารจากร้านเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) และเครื่องดื่มจากร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน โดยโออาร์ รวมถึงสินค้าวิสาหกิจชุมชนจากโครงการ ‘ชุมชนยิ้มได้’ ของ ปตท.
อุปกรณ์ทางการแพทย์
และของใช้จำเป็น สู้วิกฤติโควิด-19
แน่นอนว่า สิ่งจำเป็นเร่งด่วนอันดับต้น ๆ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ย่อมหนีไม่พ้นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในทางการแพทย์ ทั้งเพื่อการรักษาและป้องกันไวรัส โดยกลุ่ม ปตท. ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ ก็ได้ร่วมระดมทั้งความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงงบประมาณ เพื่อการสนับสนุนช่วยเหลือการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์มาโดยตลอดตั้งแต่การระบาดระลอกแรก
ยกตัวอย่างเช่น การสนับสนุนเสื้อกาวน์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งผลิตจากเม็ดพลาสติกของกลุ่ม ปตท., การมอบผ้าสปันบอนด์เคลือบสารกันน้ำและสารคัดหลั่ง สำหรับผลิตเป็นชุดป้องกันส่วนบุคคล PPE, การผลิตหมวกอัดอากาศความดันบวก PAPR, การผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อ, การพัฒนาห้องตรวจวินิจฉัยโรคแบบป้องกันเชื้อ, การผลิตกล่องป้องกันเชื้อฟุ้งกระจาย สำหรับกระทำหัตถการของบุคลากรทางการแพทย์, การผลิตและสนับสนุน Face Shield, การวิจัยพัฒนาชุดตรวจเชื้อ COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพสูงแบบการตรวจจับสารทางพันธุกรรม ตลอดจนจัดหาและส่งมอบแอลกอฮอล์ของกลุ่ม ปตท. มอบให้แก่หน่วยงานทางการแพทย์และโรงพยาบาลกว่า 170 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมทั้งกระจายสู่ประชาชน
นวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม
คืนรอยยิ้มให้ท้องถิ่น เสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานราก
อีกหนึ่งความห่วงใยที่กลุ่ม ปตท. ส่งให้กับคนไทยในห้วงวิกฤต คือโครงการ “นวัตกรรมสร้างรอยยิ้มกลุ่ม ปตท.” ที่ต้องการคืนรอยยิ้มสู่ชุมชนซึ่งก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่น้อยไปกว่ากัน โดยโครงการดังกล่าวนี้ พร้อมที่จะเพิ่มพลังทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่นใน 2 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วย Smart Farming และ Smart Marketing
สำหรับ Smart Farming กลุ่ม ปตท. พร้อมใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำเกษตรวิถีใหม่เพิ่มส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรชาวไทยก้าวสู่การเป็น Smart Farmer อย่างเต็มรูปแบบ ไล่ตั้งแต่กระบวนการผลิตและการเพาะปลูกผลผลิตที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ตามแนวทางเกษตรอัจฉริยะ ไปจนถึงการออกแบบและการวิเคราะห์ปัจจัยทางการเกษตรตามบริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้สามารถบริหารจัดการผลผลิตได้อย่างมั่นคง มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและมีการบริหารจัดการกิจการได้อย่างยั่งยืน
จากความมุ่งมั่นดังกล่าว โครงการ “นวัตกรรมสร้างรอยยิ้มกลุ่ม ปตท.” จึงไม่ใช่แค่เพียงจะคืนรอยยิ้ม สร้างความสุขให้กับคนในชุมชนท้องถิ่น แต่ยังหมายถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้เติบโตไปด้วย และสุดท้ายแล้ว ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศเป็นลำดับต่อไป
ในขณะที่ Smart Marketing จะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ขนานไปกับการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิด Awareness พร้อมสร้างช่องทางการตลาดออนไลน์ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็สรรหาบริการและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่มายกระดับ เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนและมั่นคง
มากไปกว่านั้น ปตท. ยังได้มีการส่งเสริมการจ้างงาน ซึ่งเป็นที่มาของโครงการ Restart Thailand ได้เปิดรับสมัครแรงงานและนักศึกษาจบใหม่สำหรับการขยายธุรกิจและโครงการก่อสร้างต่างๆ กว่า 25,000 อัตรา และเมื่อได้ว่าจ้างแรงงานเข้ามาแล้ว บางส่วนจะได้รับการการฝึกอบรมให้ความรู้และเทคนิควิธีการต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ในองค์กรของกลุ่ม ปตท. ก่อนจะถูกส่งลงไปปฏิบัติงานในสายงายธุรกิจต่างๆของกลุ่ม ปตท. และหนึ่งในนั้นคือการเข้าทำงานด้าน CSR ผ่านโครงการพัฒนาสังคม 3 ด้าน คือด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำหรับเยาวชน โดยได้จ้างงานนักศึกษาจบใหม่ให้ปฏิบัติงานผู้ช่วยสอน และงานธุรการ/ICT จำนวน 568 อัตรา ทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อช่วยลดภาระคุณครู ให้ครูมีเวลาในการสอนในชั้นเรียนมากขึ้น ด้านการการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นซึ่งก็คือโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้มกลุ่ม ปตท. และด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและวิจัยดูแลพื้นที่สีเขียว
...ในท่ามกลางวิกฤต ต้องได้รับการช่วยเหลือหลายด้าน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานองค์กรและผู้มีกำลังความสามารถ ก็ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับกลุ่ม ปตท. ที่ยังคงเสริมกำลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง ด้วยความหวังว่า เราคนไทยที่มีลมหายใจเดียวกัน จะฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันโดยเร็วที่สุด
นับจากระลอกแรกที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ “โควิด-19” แพร่ระบาดและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทย กลุ่ม ปตท. ไม่นิ่งนอนใจ และเร่งให้ความช่วยเหลือในหลากหลายด้าน ผ่านโครงการต่าง ๆ โดยล่าสุดผุดโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วย รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ
“ลมหายใจเดียวกัน”
พร้อมเป็นพลังช่วยสังคม
ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดระลอก 3 ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น กลุ่ม ปตท. ก็ระดมการช่วยเหลืออย่างเข้มข้นขึ้นเช่นกัน ผ่านโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ที่จัดตั้งขึ้นด้วยแนวคิดว่า คนไทยทุกคนต่างก็มีลมหายใจเดียวกัน และพร้อมจะร่วมเป็นพลังฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันโดยเร็วที่สุด
โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปตท. ได้ให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในการจัดหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ ให้แก่ชุมชนพื้นที่ กทม. ที่มีการระบาดโควิด-19 เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ ทั้งในเขตหลักสี่ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดินแดง และเขตคลองเตย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ป่วย ผู้พิการในชุมชน รวมทั้งกลุ่มแรงงานในพื้นที่ที่อาจจะเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ยากหรือมีความลำบากในการลงทะเบียนรับวัคซีน
ขณะเดียวกันก็ระดมพนักงานกลุ่ม ปตท. ร่วมเป็นจิตอาสาในส่วนของการทำงานกับหน่วยบริการ ช่วยบริหารจัดการคิวผู้เข้ารับวัคซีน ประสานงาน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนั้นยังได้ร่วมสนับสนุนอาหาร น้ำดื่มแก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ในหน่วยต่าง ๆ อีกทั้งจัดเตรียมสินค้าวิสาหกิจชุมชนจากโครงการ ‘ชุมชนยิ้มได้’ ที่ ปตท.ได้ส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคเกษตรกร มอบให้กับประชาชนที่มาฉีดวัคซีน โดยหวังว่า ปตท. จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่จำเป็นต้องเข้าถึงวัคซีนอย่างเร่งด่วน อันจะช่วยยับยั้งการระบาดของโควิด-19 และช่วยขับเคลื่อนต่อลมหายใจเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวโดยเร็วต่อไป
ภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” กลุ่ม ปตท. ได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการมอบ เครื่องช่วยหายใจ (ICU Ventilator) สำหรับผู้ป่วยวิกฤติ เครื่องให้ออกซิเจนอัตราไหลสูง (High-Flow Nasal Oxygen) ที่ช่วยลดและชะลอการลุกลามของปอดอักเสบไม่ให้รุนแรงจนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ รวมจำนวนกว่า 360 เครื่อง พร้อมทั้งมอบงบประมาณจัดซื้อออกซิเจนเหลว (Liquid Oxygen) เพื่อใช้ร่วมกับเครื่องช่วยหายใจ เพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ควบคุมสูงทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และสนับสนุนอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็น เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านการรองรับผู้ป่วย COVID-19 ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นจัดหาหมวกอัดอากาศป้องกันการติดเชื้อความดันบวก หรือ PAPR (Power Air Purifying Respiratory) สนับสนุนห้องความดันลบ พร้อมส่งต่อกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ สนับสนุนอาหารจากร้านเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) และเครื่องดื่มจากร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน โดยโออาร์ รวมถึงสินค้าวิสาหกิจชุมชนจากโครงการ ‘ชุมชนยิ้มได้’ ของ ปตท.
อุปกรณ์ทางการแพทย์
และของใช้จำเป็น สู้วิกฤติโควิด-19
แน่นอนว่า สิ่งจำเป็นเร่งด่วนอันดับต้น ๆ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ย่อมหนีไม่พ้นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในทางการแพทย์ ทั้งเพื่อการรักษาและป้องกันไวรัส โดยกลุ่ม ปตท. ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ ก็ได้ร่วมระดมทั้งความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงงบประมาณ เพื่อการสนับสนุนช่วยเหลือการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์มาโดยตลอดตั้งแต่การระบาดระลอกแรก
ยกตัวอย่างเช่น การสนับสนุนเสื้อกาวน์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งผลิตจากเม็ดพลาสติกของกลุ่ม ปตท., การมอบผ้าสปันบอนด์เคลือบสารกันน้ำและสารคัดหลั่ง สำหรับผลิตเป็นชุดป้องกันส่วนบุคคล PPE, การผลิตหมวกอัดอากาศความดันบวก PAPR, การผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อ, การพัฒนาห้องตรวจวินิจฉัยโรคแบบป้องกันเชื้อ, การผลิตกล่องป้องกันเชื้อฟุ้งกระจาย สำหรับกระทำหัตถการของบุคลากรทางการแพทย์, การผลิตและสนับสนุน Face Shield, การวิจัยพัฒนาชุดตรวจเชื้อ COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพสูงแบบการตรวจจับสารทางพันธุกรรม ตลอดจนจัดหาและส่งมอบแอลกอฮอล์ของกลุ่ม ปตท. มอบให้แก่หน่วยงานทางการแพทย์และโรงพยาบาลกว่า 170 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมทั้งกระจายสู่ประชาชน
นวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม
คืนรอยยิ้มให้ท้องถิ่น เสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานราก
อีกหนึ่งความห่วงใยที่กลุ่ม ปตท. ส่งให้กับคนไทยในห้วงวิกฤต คือโครงการ “นวัตกรรมสร้างรอยยิ้มกลุ่ม ปตท.” ที่ต้องการคืนรอยยิ้มสู่ชุมชนซึ่งก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่น้อยไปกว่ากัน โดยโครงการดังกล่าวนี้ พร้อมที่จะเพิ่มพลังทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่นใน 2 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วย Smart Farming และ Smart Marketing
สำหรับ Smart Farming กลุ่ม ปตท. พร้อมใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำเกษตรวิถีใหม่เพิ่มส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรชาวไทยก้าวสู่การเป็น Smart Farmer อย่างเต็มรูปแบบ ไล่ตั้งแต่กระบวนการผลิตและการเพาะปลูกผลผลิตที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ตามแนวทางเกษตรอัจฉริยะ ไปจนถึงการออกแบบและการวิเคราะห์ปัจจัยทางการเกษตรตามบริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้สามารถบริหารจัดการผลผลิตได้อย่างมั่นคง มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและมีการบริหารจัดการกิจการได้อย่างยั่งยืน
จากความมุ่งมั่นดังกล่าว โครงการ “นวัตกรรมสร้างรอยยิ้มกลุ่ม ปตท.” จึงไม่ใช่แค่เพียงจะคืนรอยยิ้ม สร้างความสุขให้กับคนในชุมชนท้องถิ่น แต่ยังหมายถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้เติบโตไปด้วย และสุดท้ายแล้ว ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศเป็นลำดับต่อไป
ในขณะที่ Smart Marketing จะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ขนานไปกับการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิด Awareness พร้อมสร้างช่องทางการตลาดออนไลน์ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็สรรหาบริการและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่มายกระดับ เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนและมั่นคง
มากไปกว่านั้น ปตท. ยังได้มีการส่งเสริมการจ้างงาน ซึ่งเป็นที่มาของโครงการ Restart Thailand ได้เปิดรับสมัครแรงงานและนักศึกษาจบใหม่สำหรับการขยายธุรกิจและโครงการก่อสร้างต่างๆ กว่า 25,000 อัตรา และเมื่อได้ว่าจ้างแรงงานเข้ามาแล้ว บางส่วนจะได้รับการการฝึกอบรมให้ความรู้และเทคนิควิธีการต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ในองค์กรของกลุ่ม ปตท. ก่อนจะถูกส่งลงไปปฏิบัติงานในสายงายธุรกิจต่างๆของกลุ่ม ปตท. และหนึ่งในนั้นคือการเข้าทำงานด้าน CSR ผ่านโครงการพัฒนาสังคม 3 ด้าน คือด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำหรับเยาวชน โดยได้จ้างงานนักศึกษาจบใหม่ให้ปฏิบัติงานผู้ช่วยสอน และงานธุรการ/ICT จำนวน 568 อัตรา ทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อช่วยลดภาระคุณครู ให้ครูมีเวลาในการสอนในชั้นเรียนมากขึ้น ด้านการการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นซึ่งก็คือโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้มกลุ่ม ปตท. และด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและวิจัยดูแลพื้นที่สีเขียว
...ในท่ามกลางวิกฤต ต้องได้รับการช่วยเหลือหลายด้าน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานองค์กรและผู้มีกำลังความสามารถ ก็ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับกลุ่ม ปตท. ที่ยังคงเสริมกำลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง ด้วยความหวังว่า เราคนไทยที่มีลมหายใจเดียวกัน จะฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันโดยเร็วที่สุด
