เงินเฟ้อเดือน ก.ย. 62 เพิ่มขึ้น 0.32% ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อนหน้า เหตุกลุ่มพลังงานราคาหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แม้จะเกิดเหตุถล่มโรงกลั่น ส่วนสินค้ากลุ่มอาหารปรับเพิ่มขึ้น ทั้งข้าวสาร ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ นม คาดเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 0.7-1.0% แต่ไม่น่าเกิน 0.9% ต่ำกว่า 1% ในรอบ 2 ปี
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ก.ย. 2562 เท่ากับ 102.90 เพิ่มขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. 2562 ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 0.32% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. 2561 ชะลอตัวลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อนหน้า (ก.ค.-ส.ค.) ที่เพิ่มขึ้น 0.98% และ 0.52% ตามลำดับ ส่วนเงินเฟ้อรวม 9 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.) เพิ่มขึ้น 0.81% และเงินเฟ้อพื้นฐานที่หักสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงานออก เท่ากับ 102.70 เพิ่มขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. 2562 และเพิ่มขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับ ก.ย. 2561 ส่วนเฉลี่ย 9 เดือน เพิ่มขึ้น 0.54%
ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงมาจากการสูงขึ้นของสินค้ากลุ่มอาหารสด 5.11% โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง เพิ่ม 9.15% ผักสด เพิ่ม 8.35% ผลไม้สด เพิ่ม 5.74% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ เพิ่ม 2.79% ไข่และผลิตภัณฑ์นม เพิ่ม 1.63% แต่กลุ่มพลังงานลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ลด 6.39% ทำให้เป็นแรงฉุดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันลดลงถึง 9.91% เมื่อเทียบกับฐานปีก่อนที่ราคาสูง และแม้ปีนี้ราคาตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นจากเหตุถล่มโรงกลั่น แต่ราคาก็ยังต่ำกว่าปีก่อน
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าเดือน ก.ย. 2562 เทียบกับ ก.ย. 2561 จำนวน 422 รายการ มีสินค้าที่ราคาเพิ่มขึ้น 226 รายการ เช่น ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า เนื้อสุกร ไข่ไก่ มะนาว พริกสด กับข้าวสำเร็จรูป ค่าโดยสารรถประจำทาง และค่ากระแสไฟฟ้า เป็นต้น สินค้าที่ราคาปรับลดลง 104 รายการ เช่น น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ น้ำมันพืช ส้มเขียวหวาน ผักกาดขาว นมผง เป็นต้น และสินค้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงราคา 92 รายการ
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าเดือน ต.ค. 2562 จะยังคงลดลงเพราะฐานน้ำมันปีก่อนสูงที่สุดของปี และเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2562 จะเริ่มสูงขึ้น โดยไตรมาส 4 ประเมินไว้ว่าจะขยายตัว 0.5-1.0% และทำให้ทั้งปีจะอยู่ที่ 0.7-1.0% ซึ่งเป็นการปรับลดเป้าเป็นครั้งที่ 3 จากเดิมคาดไว้ที่ 0.7-1.3% และ 0.7-1.7% มีค่ากลางอยู่ที่ 0.85% และไม่น่าจะเกิน 0.9% ซึ่งถือเป็นตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่า 1% ในรอบ 2 ปี นับจากปี 2560 ที่เพิ่มขึ้น 0.66% ปี 2561 เพิ่ม 1.07%
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและภัยแล้งที่ผ่านมาพบว่าไม่มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อ และการกินเจปีนี้ เท่าที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าก็ไม่มีการปรับขึ้นราคาแบบไม่สมเหตุสมผล จึงไม่มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อเช่นเดียวกัน ขณะที่ผลจากการออกมาตรการชิมช้อปใช้ของรัฐบาล จะมีผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อเพราะสินค้าไม่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น