"สนธิรัตน์" หารือ "คปพ." ชื่นมื่น เปิดรับความเห็นต่างเตรียมดึงแกนนำเข้าร่วมคณะที่ปรึกษาพร้อมเปิดกว้างทุกกลุ่มร่วมขับเคลื่อนแผนพลังงาน รวมถึงกลุ่ม ERS เห็นสอดคล้องกันหนุนพลังงานทดแทน เตรียมชง กพช.กลางเดือนกันยายน วางกรอบพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับแกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า ครั้งนี้มีประเด็นใหม่ที่น่าสนใจและเห็นตรงกันในการผลักดันเรื่องพลังงานทดแทนในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนฐานราก ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงเตรียมที่จะตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานที่จะมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนร่วมทำงาน อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กลางเดือนกันยายนนี้เพื่อขออนุมัติหลักการเรื่องการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งจะต้องปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 61-80 (พีดีพี 2018)
"ผมจะเชิญ คปพ.มาอยู่ในคณะฯ ที่ปรึกษาผม และพร้อมต้อนรับทุกกลุ่มที่จะมาเสนอแนะแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (ERS) ก็มาเสนอความเห็นและก็มีแนวทางตรงกันในเรื่องของพลังงานทดแทน โดยในเรื่องนี้ได้มอบให้ทาง คปพ.ไปดูรายละเอียดและนำมาเสนอผมอีกครั้ง ซึ่งการปรับพีดีพีนั้นจะตอบโจทย์พลังงานทดแทนมากขึ้นและค่าไฟฟ้าที่จะต้องถูกลงกว่าแผนเดิม" นายสนธิรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ การหารือกับ คปพ.มีหลายเรื่องที่พูดคุยกันและพร้อมรับข้อเสนอทั้งหมดไว้พิจารณา ทั้งโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซหุงต้ม, ข้อห่วงใยการเจรจาพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา โดย คปพ.ขอให้พิจารณาให้ละเอียดแต่ก็เห็นตรงกันว่าหากสามารถพัฒนาพื้นที่และใช้ประโยชน์ร่วมกัน 2 ประเทศได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ฯลฯ ส่วนประเด็นการจัดตั้งบริษัทพลังงานแห่งชาติ (NOC) ไม่ได้มีการหารือกันในครั้งนี้
สำหรับกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีประธานบอร์ด และกรรมการลาออกรวม 2 คนอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยจำเป็นต้องดูองค์ประกอบเดิม นโยบายที่จะขับเคลื่อนเพื่อสรรหาบุคคลมาทำงานให้สอดรับกับแนวทางที่กำหนดได้ ส่วนบอร์ดของ บมจ.ปตท.นั้นไม่มีนโยบายไปรื้ออะไรแต่จะใช้วิธีประเมินการทำงานมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คปพ.ได้ยื่นหนังสือถึง รมว.พลังงานใน 6 ประเด็น ได้แก่ 1. การปรับปรุงสูตรโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซหุงต้มเพื่อลดราคาพลังงานให้เป็นธรรมแก่ประชาชน โดยขอให้ยกเลิกราคา ณ โรงกลั่นที่อ้างอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่อิงการนำเข้าจากสิงคโปร์ เป็นต้น 2. ข้อห่วงใยพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เนื่องจากเห็นว่าไทยได้ทำการขีดเส้นแบ่งทางทะเลที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลตั้งแต่ปี 2561 แล้วหากไทยยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนอาจนำไปสู่การสูญเสียอธิปไตยได้
3. การประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกช อาจจะส่อว่าผิดกฎหมายเพราะไม่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน เช่น การไม่ส่งเสริมให้มีการแข่งขันในระบบสัญญาจ้างบริการ เป็นต้น 4. การนำหุ้นของบริษัท PTTOR เข้าขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย 5. การปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญเรื่องการผลิตไฟฟ้าของรัฐที่ต้องปรับแผน PDP 2018 ให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของรัฐต้องไม่ลดลงต่ำกว่า 51% และ 6. ขอให้เร่งรัดการตรวจสอบการทุจริตโรลส์-รอยซ์ ซึ่งเป็นกรณีข่าวการทุจริตเกิดขึ้นในรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน
