xs
xsm
sm
md
lg

BGRIM กำไรไตรมาส 2 พุ่ง 191% อนุมัติจ่ายปันผล 0.15 บาท/หุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บี.กริม เพาเวอร์ โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 มีกำไรสุทธิเติบโตถึง 191% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการรับรู้โรงไฟฟ้าเวียดนามและโรงไฟฟ้าน้ำแจ 1 แถมรับรู้โรงไฟฟ้า SPP1 เต็มไตรมาส บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 มีรายได้จากการขายและการให้บริการเป็น 10,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.4% โดยมีสาเหตุหลักมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 989 เมกะวัตต์ ในช่วงระยะเวลาประมาณตั้งแต่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้ามาจนถึงไตรมาส 2/2562 จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 12 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าแบบ SPP 2 โครงการ, โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย 7 โครงการ, โครงการน้ำแจ 1 ใน สปป. ลาว และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม 2 โครงการ

รวมไปถึงการซื้อหุ้นของบริษัท บี.กริม ยันฮี โซลาร์ เพาเวอร์เพิ่มเติมเป็น 100% ในเดือนกรกฎาคม 2561 และการเข้าซื้อโครงการ SPP1 จาก บมจ.โกลว์ พลังงาน ในเดือนมีนาคม 2562 และการปรับขึ้นของราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วย

ขณะที่กำไรสุทธิจากงบการเงินรวมอยู่ที่ 1,038 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 626 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 191.2% และเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 17.7% หากไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงและรายการที่ไม่เกิดขึ้นประจำแล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจากงบการเงินรวมไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 886 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 557 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 25.7% จากไตรมาสก่อนหน้า มีสาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 677 เมกะวัตต์และโครงการน้ำแจ 1 กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ รวมไปถึงการรับรู้ผลดำเนินงานเต็มไตรมาสของโครงการ SPP1 อีกทั้งราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลง 2.4% ขณะที่ค่า Ft คงที่ และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงการ SPP อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่าโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม ได้แก่ DT1&2 ขนาด 420 เมกะวัตต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิกาคอาเซียน และโครงการ Phu Yen TTP ขนาด 257 เมกะวัตต์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ก่อนระยะเวลาที่กำหนดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ปัจจุบันสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนได้เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิม 8% ในขณะที่สัดส่วนกำลังการผลิตจากโครงการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 2% ตอกย้ำการเป็นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาค โดยในขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการใหม่อีกเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าโครงการระหว่างก่อสร้างมีความคืบหน้าตามแผน คือโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม Interchem กำลังการผลิตติดตั้ง 4.8 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง 50.7% ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเทเสาและทำระบบสายดิน โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือน ธันวาคม 2562

ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม บริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 5 โครงการที่เข้าเกณฑ์การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่ให้โครงการ SPP ที่จะหมดอายุสัญญาในระหว่างปี 2560-2568 สามารถสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี วางกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2565 ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพมาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถให้บริการด้วยคุณภาพที่สูงแก่ลูกค้าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) คือ 28 สิงหาคม 2562 และวันจ่ายปันผล 10 กันยายน 2562


กำลังโหลดความคิดเห็น