ไม่มีทางหยุดการละเมิดลิขสิทธิ์แบบ 100%!! แต่ทรูวิชั่นส์ทุ่มสุดตัว สิทธิ์ 'พรีเมียร์ลีก' ครั้งนี้ หวังให้คนไทยรับชมและเข้าถึงแบบถูกลิขสิทธิ์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 20ล้านคน จับมือพันธมิตรออนไลน์แน่น กูเกิ้ล เฟซบุค ยูทูป ร่วมสกัดการละเมิดเต็มกำลัง ล่าสุดเผยตัวสปอนเซอร์6 ราย ร่วมสร้างปรากฏการณ์ มั่นใจทรูวิชั่นส์กลับมายืนอย่างแข็งแกร่งและมีรายได้คุ้มทุนอีกครั้ง หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 13,300 ล้านบาท ของเป้าหมายในปีก่อน
นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารและหัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ครั้งสุดท้ายที่ทรูวิชั่นส์ได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยตรง คือ 10ปีก่อน ครั้งนั้นพรีเมียร์ลีกได้รับความนิยมมาก หรือเข้าถึงคนไทยได้กว่า 2ล้านคน ที่เป็นสมาชิกรับชมผ่านทางทรูวิชั่นส์ ล่าสุดในครั้งนี้มั่นใจว่า ทรูวิชั่นส์จะสร้างปรากฏการณ์ที่จะทำให้พรีเมียร์ลีกเข้าถึงคนไทยได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หรือเข้าถึงคนไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ทั้งแบบเสียค่าสมาชิกและรับชมฟรีไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน
"แผนการทำให้พรีเมียร์ลีกเข้าถึงคนไทยได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เกิดจาก 3ส่วนหลัก คือ 1.คอนเท้นท์และรายการที่หลากหลายมากสุดเท่าที่เคยทำมา 2.แพลทฟอร์มการรับชมมากที่สุด ทั้ง ฟรีทีวี เพย์ทีวี และทรูไอดี และ3.การทำอินเตอร์แอกทีฟ คอมมูนิตี้ผ่านโซเชียลมีเดีย ที่สำคัญทรูวิชั่นส์ได้ผนึกกำลังบริษัทในกลุ่มซีพีสร้างการรับรู้และการเข้าถึงสร้างฐานสมาชิกมากขึ้น"
โดยการเข้าถึงคนไทยมากขึ้นอย่างมหาศาลหลายเท่าตัวครั้งนี้ เกิดจากปัจจุบันมีแพลทฟอร์มการรับชมพรีเมียร์ลีกได้หลากหลาย และทางทรูวิชั่นส์พร้อมนำเสนอให้รับชมทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ทรูวิชั่นส์, ฟรีทีวี, อินเตอร์เน็ต, และOTT ผ่านทางทรูไอดี จากปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีฐานสมาชิกร่วม 4ล้านราย และทรูไอดีมีการดาวน์โหลดกว่า 15ล้านครั้ง ซึ่งในทรูไอดี มีทั้งแบบดูฟรีและเสียค่าบริการ รวมแล้วสามารถรับชมฟรีได้ 100 กว่าแมทช์ ส่วนฟรีทีวีรับชมได้ 30แมทช์ ขณะที่ทางทรูวิชั่นส์รับชมได้ 360 แมทช์ตลอดฤดูกาล
นายพีรธน กล่าวต่อถึง แผนการปกป้องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ด้วยว่า เราอาจกล่าวไม่ได้ว่าสามารถควบคุมการละเมิดได้แบบ 100% แต่ถือว่าจะมีน้อยมากถึงมากที่สุดที่จะทำได้ เพราะทางกลุ่มทรูได้เป็นพันธมิตรอย่างแข็งแกร่งกับทางกูเกิ้ล เฟซบุค และยูทูป ที่จะช่วยสกัดและปิดช่องทางการละเมิดการรับชมที่จะเกิดขึ้นได้ และยังได้กูรูฟุตบอล อินฟลูเอ็นเซอร์ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้แฟนชาวไทยรับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ รวมถึงการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐควมคุมการละเมิดลิขสิทธิ์อีกทางหนึ่งด้วย
ที่สำคัญคือ การได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกมาครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะทรูวิชั่นส์มีแผนปกป้องลิขสิทธิ์ ควบคุมสัญญาณไม่ให้รั่วจนเกิดการละเมิดได้ โดยเฉพาะช่องทางอินเตอร์เน็ต จึงสร้างความไว้วางใจให้แก่พาร์ทเนอร์และสปอนเซอร์ ได้เป็นอย่างดี ล่าสุดได้ผู้สนับสนุนรายใหญ่แล้ว 6 ราย คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น, สิงห์ คอร์เปเรอชั่น, ซีพี ออลล์, เอ.พี. ฮอนด้า, ซีพีเอฟ และสยามแมคโคร ซึ่งยังคงเปิดรับสปอนเซอร์อยู่ และน่าจะรับได้ถึง 10ราย ทั้งนี้มั่นใจว่า คอนเท้นท์ พรีเมียร์ลีก จะเป็นกำลังสำคัญ ที่จะช่วยให้สถานการณ์รายได้ของทรูวิชั่นส์ที่ไม่ค่อยดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะกลับมาแข็งแกร่งและคุ้มทุนได้ในปีนี้
โดยก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่า ถึงสิ้นปี2562 ทรูวิชั่นส์ น่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากที่บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รายงานว่า สิ้นปี2561 ทรูวิชั่นส์ มีรายได้ 13,300 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 8.7% และมีฐานสมาชิกรวมกว่า 4.1ล้านราย
อย่างไรก็ตามในส่วนของทรูวิชั่นส์ ได้เพิ่ม 6ช่อง HD รองรับคอนเท้นท์พรีเมียร์ลีกตลอด 3ปีหลังจากนี้โดย2ช่องหลักจะรองรับรายการต่างๆของพรีเมียร์ลีก และการถ่ายทอดสดการแข่งขันตามปกติ และอีก 4ช่อง รองรับการแข่งขันที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน จากเดิม3ปีที่ผ่านมา สมาชิกทรูวิชั่นส์รับชมพรีเมียร์ลีกทางช่อง BeIn รวม4ช่อง ซึ่งทั้ง4ช่องปัจจุบันยังมีอยู่ แต่กำลังจะหมดสัญญาในเร็วๆนี้ ซึ่งจะมีการเจรจากันต่อไปว่าจะต่อสัญญาหรือไม่
นอกจากนี้ยังพบว่า ช่วงเวลานี้ ทรูวิชั่นส์มีฐานสมาชิกใหม่เข้ามาอย่างมาก โดยเฉพาะแฟมิลี่แพกเกจ รวมถึงทรูไอดีที่มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด.
