xs
xsm
sm
md
lg

“ซีเจฯ” เพิ่งขยับฉาย 3 เรื่องปีนี้ ยกไทยตลาดหนังมีศักยภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นางสาวโยนู ชเว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างโรงภาพยนตร์เมเจอร์กรุ้ปของไทย กับซีเจ อีแอนด์เอ็ม จากเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกมากสำหรับธุรกิจภาพยนตร์ เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่และคนไทยมีพฤติกรรมในการบริโภคหนังเพื่อความบันเทิง

แต่ตลาดใหญ่ในไทยยังคงเป็นหนังฮอลลีวูดอยู่ ซึ่ง 80% ของคนไทยยังคงบริโภคหนังฮอลลีวูดเนื่องจากมีคุณภาพทั้งด้านคอนเทนต์และการผลิต ส่งผลให้หนังไทยแต่ละเรื่องมีรายได้รวมไม่มาก ซึ่งหนังไทยที่มีรายได้ต่อเรื่องเกิน 100 ล้านบาทน้อยมาก หรือเฉลี่ยไม่เกิน 3 เรื่องต่อปี

จากข้อมูลพบว่าปีที่ผ่านมา (2561) ประเทศในภูมิภาคอาเซียนมีรายได้ค่าเฉลี่ยจากภาพยนตร์บ็อกซ์ออฟฟิศมากกว่า 38 ล้านบาท ส่วนรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศของประเทศเกาหลีใต้มีมูลค่ามากกว่า 49 ล้านบาท ส่วนญี่ปุ่นอยู่ที่ 72 ล้านบาท หรืออเมริกาอยู่ที่ 348 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณหนังไทยที่มีการออกฉายในแต่ละ
ปีก็มีมากน้อยไม่สม่ำเสมอ โดยในปี 2555 มีจำนวน 64 เรื่อง ต่อมาปี 2556 มีจำนวน 49 เรื่อง, ปี 2557 มีจำนวน 60 เรื่อง, ปี 2558 มีจำนวน 63 เรื่อง, ปี 2559 มีจำนวน 38 เรื่อง, ปี 2560 มีจำนวน 48 เรื่อง และปี 2561 มีจำนวน 42 เรื่อง ซึ่งสังเกตได้ว่าในปี 2561 มีปริมาณหนังไทยที่ออกฉายลดลงมากถึง 35% จากปี 2558

อย่างไรก็ตาม นางสาวโยนูกล่าวว่า คนไทยต่างก็พยายามมองหาคอนเทนต์หนังไทยที่มีคุณภาพมากขึ้น และพร้อมที่จะสนับสนุนคนไทยทำหนังไทย นอกจากนั้นไทยยังมีผู้ผลิต ผู้สร้าง ผู้กำกับ ที่มีฝีมืออยู่มาก ที่มองหาโอกาสในการสร้างภาพยนตร์ไทยที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ต้องการที่จะนำเสนอหนังไทยที่มีความหลากหลายมากขึ้นสู่ตลาดด้วยการสนับสนุนผู้สร้าง ผู้ผลิตคนไทยที่ต้องการสร้างหนังไทยที่แตกต่างและสร้างสรรค์ และมีสีสันมากกว่าเดิม อีกทั้งมีแผนที่จะนำผลงานหนังไทยของคนไทยไปสู่ตลาดหนังทั่วโลกด้วย

แนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ คือ 1. บริษัทฯ สามารถนำลิขสิทธิ์หนังที่มีมากกว่า 500 เรื่องนำมาทำตลาดได้ในประเทศต่างๆ 2. การสร้างหนังใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองตลาด ด้วยการร่วมมือกับทางผู้ผลิต ผู้สร้างท้องถิ่นและนำไปทำตลาดต่างประเทศด้วย โดยกลยุทธ์ คือ 1. สร้างหนังที่มีเนื้อหาเป็นสากล และสร้างหนังที่ร่วมมือกับพันธมิตรแต่ละประเทศ

ปีนี้วางแผนใช้งบลงทุนรวม 100 ล้านบาท ผลิตและฉายหนัง 3 เรื่อง มีต้นทุนเฉลี่ยเรื่องละ 25 ล้านบาท รวม 75 ล้านบาท อีก 25 ล้านบาทใช้ทำการตลาด ประกอบด้วย 1. เรื่อง Love Battle รัก 2 ปียินดีคืนเงิน แนวโรมแมนติกคอมเมดีที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับของเกาหลีใต้ 2. เรื่องThat March และ 3. เรื่อง Classic Again แนวโรแมนติกดรามาที่ดัดแปลงมาจากเกาหลีใต้ คาดหวังว่าจะมีรายได้รวม 300 ล้านบาท

“ยอมรับว่าที่ผ่านมาเกือบ 4 ปีที่ตั้งบริษัทฯ ในไทยในปี 2559 มีผลงานออกสู่ตลาดเรื่องเดียว คือ SUDDENLY TWENTY-20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์นฯ ที่ฉายปี 2559 ซึ่งเราเองก็มีการเรียนรู้สิ่งที่ทำมาและนำมาปรับใช้ในการทำหนังเรื่องใหม่ๆ เพื่อปรับให้มีความเหมาะสมกับตลาดไทย ซึ่งการทำหนังแต่ละเรื่องอาจต้องใช้เวลานาน จึงทำให้เรามีเพียงเรื่องเดียวที่ผ่านมา แต่ปีนี้จะมีฉาย 3 เรื่อง และปีนี้ยังอยู่ระหว่างผลิตอีก 3 เรื่อง ส่วนจากนี้ไปจะมีเฉลี่ย 1-3 เรื่องต่อปี” นางสาวโยนูกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น