xs
xsm
sm
md
lg

“ศิริ” ลั่นตลาดโซลาร์ฯ บูมแน่ โซลาร์ภาคประชาชนจ่อซื้อไฟส่วนเกิน 1.68 บ./หน่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ศิริ” แนะผู้ผลิตและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ฯ กว่า 30 รายเร่งวางแผนลงทุนในประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุด รวมทั้งผลิตบุคคลากรและช่างเทคนิครองรับเหตุตลาดโซลาร์ฯ ภายใต้พีดีพีใหม่จะโตเป็น 5 เท่าในระยะ 20 ปี รวมเข้าระบบกว่า 1.27 หมื่นเมกะวัตต์ กกพ.แย้มโซลาร์ภาคประชนจ่อเปิดรับข้อเสนอ พ.ค.-ก.ค. 62 รับซื้อไฟส่วนเกิน 1.68 บ./หน่วย ระยะเวลารับซื้อส่วนเกิน 10 ปี COD ปีนี้



นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังหารือร่วมกับผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ ว่า กระทรวงพลังงานต้องการแจ้งให้ผู้ผลิตและจำหน่ายแผงโซลาร์ฯ ในประเทศมีกว่า 30 รายการเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสทางธุรกิจตลาดพลังงานทดแทนโดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะเติบโตมากขึ้นเนื่องจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2018) ปี พ.ศ. 2561-2580 กำหนดซื้อไฟฟ้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัย หรือโซลาร์ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำขนาดใหญ่ (โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ) 2,725 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐต้องการส่งสัญญาณ คือ ต้องการให้เอกชนได้วางแผนการลงทุนได้ทันที เพราะตลาดที่ใหญ่จะทำให้มีความต้องการใช้แผงจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องการส่งเสริมให้เกิดการผลิตเองในประเทศมากกว่าการที่จะไปสนับสนุนการนำเข้ามา ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการจะต้องเร่งพัฒนาบุคลากรและช่างเทคนิคต่างๆ รองรับการติดตั้งและการบำรุงรักษาหลังการขายเพื่อให้มีมาตรฐาน ฯลฯ

“ขณะนี้เรามีการติดตั้งการผลิตไฟจากแสงอาทิตย์แล้วประมาณ 3,443 เมกะวัตต์ เป็นการดำเนินงานภายใต้แผนดีพีดีเดิมซึ่งกำหนดไว้ทั้งสิ้น 6,000 เมกะวัตต์ แต่พีดีพีฉบับใหม่ได้ปรับเป็นสิ้นสุดแผนปี 2580 จะมีไฟฟ้าจากโซลาร์รวม 12,725 เมกะวัตต์ โตกว่าเดิม 5 เท่า และยังไม่รวมกับการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งเองใช้เอง หรือ IPS ที่คาดว่าจะมีสูงขึ้นในอนาคตอีกไม่น้อยกว่า 4,000 เมกะวัตต์ จะเห็นว่าตลาดจะเติบโตมาก ขณะที่การลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปนั้นเงินลงทุนลดลงจากอดีตถึง 40% จึงเป็นโอกาสที่ดีของประชาชน” นายศิริกล่าว

สำหรับโครงการโซลาร์ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ ภายใต้แผนพีดีพีหากคำนวณเป็นหลังคาที่อยู่อาศัยจะมีสูงถึง 2 ล้านหลังคาเรือน แต่จะมีการรับซื้อช่วง 10 ปีแรกนำร่องปีละ 100 เมกะวัตต์ก่อนเพื่อทดลองตลาดโดยวันที่ 20 มี.ค.นี้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเปิดชี้แจงเกณฑ์และเงื่อนไขโดยละเอียดอีกครั้ง ส่วนโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ 2,725 เมกะวัตต์ มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปเปิดประมูลการติดตั้งนำร่องที่เขื่อนสิรินธร จากนั้นจะทยอยในเขื่อนอื่นๆ ตามที่ กฟผ.ศึกษาไว้

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) กล่าวว่า บอร์ดคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะพิจารณาเกณฑ์และรูปแบบการสนับสนุนโครงการโซลาร์ภาคประชาชนระยะที่ 1 วันที่ 15 มี.ค.นี้ เปิดรับฟังความคิดเห็นระหว่าง 18 มี.ค. - 1 เม.ย. 62 และคาดว่าจะเปิดให้มีการรับข้อเสนอ พ.ค.-ก.ค. 62 ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณา มิ.ย.-ส.ค. 62 และลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ ต.ค. 62

สำหรับแผนการรับซื้อกลุ่มเป้าหมายเป็นภาคครัวเรือน โดยต้องเป็นเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้าประเภทที่ 1 (บ้านที่อยู่อาศัย) ติดตั้งน้อยกว่า 10 กิโลวัตต์ (KWp)/ มิเตอร์ โดยจะรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินในอัตราไม่เกิน 1.68 บาทต่อหน่วยในระยะเวลารับซื้อส่วนเกิน 10 ปี ยอดรวมทั้งโครงการไม่เกิน 100 เมกะวัตต์กำหนดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2562

“พื้นที่วิธีการรับซื้อใครยื่นมาก่อนได้ก่อน หรือ First Come First Serve ผ่านระบบออนไลน์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ส่วนพื้นที่ดำเนินการจะเป็น กฟน.30 เมกะวัตต์ กฟภ.70 เมกวัตต์ โดยการลงทุนนั้นได้ประเมินไว้ 3 หมื่นบาทต่อ 1 กิโลวัตต์” นายคมกฤชกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น