“พาณิชย์” ถก 3 สภาภาคเอกชน 25 ก.พ.นี้ ประเมินทิศทางส่งออกปี 62 พร้อมทำแผนผลักดันการส่งออก หวังดันให้เป็นไปตามเป้า 8% เผยผู้ส่งออกห่วงบาทแข็งกระทบขีดแข่งขัน แก้เกมช่วย SMEs ดึงเอ็กซิมแบงก์ประกันความเสี่ยง พร้อมสั่งทูตพาณิชย์ในสหรัฐฯ และจีนหาทางนำสินค้าไทยเข้าไปขายทดแทนสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากเทรดวอร์
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 25 ก.พ. 2562 กรมฯ จะเชิญภาคเอกชน 3 สภา ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และตัวแทนภาคเอกชนที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุด 10 อันดับแรก มาหารือถึงสถานการณ์การส่งออกในปี 2562 เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้แก่ผู้ส่งออก รวมถึงหามาตรการสนับสนุนการส่งออกปี 2562 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 8%
ปัญหาการส่งออกในปัจจุบัน ผู้ส่งออกมีความกังวลเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นพิเศษ เพราะมีผลต่อรายได้ของภาคส่งออกที่ทอนกลับมาเป็นเงินบาท รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย เมื่อเทียบกับราคาสินค้าของประเทศคู่แข่งที่ค่าเงินไม่แข็งค่าเท่าไทย ซึ่งเรื่องนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว เพราะเป็นประเด็นที่ทราบกันดีว่าหากค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปก็จะกระทบต่อภาคการส่งออก
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) กรมฯ ได้พยายามเข้าไปให้ความช่วยเหลือในเรื่องค่าเงินบาทอย่างเต็มที่ โดยได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ ที่จะเข้ามาสนับสนุนด้านการเงินให้กับ SMEs ที่เข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดกับกรมฯ เช่น รัสเซียและซีไอเอส แอฟริกา รวมถึงจีน อินเดีย และอาเซียน โดยจะผลักดันให้ SMEs ทำประกันความเสี่ยงค่าเงินเพื่อป้องกันความผันผวน
น.ส.บรรจงจิตต์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณยืดระยะเวลาการชะลอขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนจาก 10% เป็น 25% ออกไปอีก 60 วัน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาชะลอขึ้นภาษี 90 วัน ที่จะสิ้นสุดวันที่ 1 มี.ค. 2562 ทำให้ในต้นเดือน มี.ค. สหรัฐฯ น่าจะยังไม่ขึ้นภาษีสินค้ากับจีนเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสถานการณ์การค้าโลกที่จะลดความผันผวนลง
อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท กรมฯ ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่สหรัฐฯ ไปหารายชื่อและเจรจากับผู้นำเข้าสินค้า โดยให้เน้นกลุ่มที่นำเข้าสินค้าจากจีนและได้รับผลกระทบจากการที่สินค้าจีนถูกขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ พบว่าเบื้องต้นมีประมาณ 15 สินค้าที่ไทยมีโอกาสส่งออกสินค้าไปทดแทนสินค้าจากจีน เช่น เกษตรแปรรูป สินค้าเครื่องเดินทาง เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ที่จีนหารายชื่อและเจรจากับผู้นำเข้าจีนที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ และได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี โดยให้ติดตามดูว่าไทยจะสามารถช่วยเหลือ หรือจะผลักดันการส่งออกสินค้าไทยให้แก่ผู้นำเข้าเหล่านี้ได้อย่างไร