ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดส่งออกของเล่นไทย 8,000 ล้านบาททรงตัว เหตุปัญหาเศรษฐกิจโลก ตลาดใหญ่อย่าง อเมริกา จีน ยุโรป ลดออเดอร์ลง เช่นเดียวกับตลาดในไทยที่ทรงตัว จี้เอกชนนำนวัตกรรมมาร่วมผลิต
นายอมรชัย นาคศุภมิตร นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดอุตสาหกรรมของเล่นไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของโลกที่ชะลอตัวลงในบางตลาดหลักๆ รวมทั้งของเล่นยังถูกมองว่าเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือยทำให้เป็นสินค้าต้นๆ ที่ผู้บริโภคตัดทิ้งเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดหลักที่ประเทศไทยส่งออกไปมากที่สุด คือ อเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป ที่ลดปริมาณการนำเข้าของเล่นจากไทยลง ส่งผลต่อผู้ประกอบการของไทยพอสมควร
ทั้งนี้ ในปี 2562 นี้คาดว่าภาพรวมของตลาดส่งออกอุตสาหกรรมของเล่นของไทยไปยังต่างประเทศจะอยู่ในภาวะทรงตัวที่มีมูลค่าประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทเท่าปีที่แล้ว และเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว ที่ตลาดรวมส่งออกชะลอตัวไม่ได้เติบโตมากนัก โดยที่ยังไม่เห็นมีปัจจัยบวกอะไรที่จะทำให้ตลาดส่งออกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นเหมือนเดิม
ดังนั้น ทางออกของปัญหาดังกล่าวผู้ประกอบการภาคเอกชนของไทยต้องปรับตัวและกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ สำคัญที่สุดคือต้องทำการศึกษาประเทศตลาดเป้าหมายว่ามีความต้องการอย่างไร อีกทั้งต้องนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ของเล่นต่างๆ เพื่อรองรับตลาดที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่รุนแรงด้วยเช่นกัน จากการศึกษาพบว่าของเล่นที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญจะเป็นของเล่นที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ การเพิ่มทักษะสมอง การพัฒนาการเติบโต เพื่อให้เด็กได้มีการฝึกทักษะไปด้วย
อีกทั้งจะต้องคำนึงถึงข้อกำหนดและมาตรฐานต่างๆ ของแต่ละประเทศให้ดีด้วยว่ามีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะปัญหาและผลกระทบจากวัตถุดิบที่นำมาผลิตของเล่นเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายแก่เด็ก ซึ่งต่างประเทศให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก โดยในตลาดโลกปัจจุบันนี้จะมีเรื่องข้อกำหนดของสารเคมีต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะจะทำให้สามารถผลิตสินค้าและทำการส่งออกได้เหมาะสม
นายอมรชัยกล่าวต่อว่า สำหรับตลาดรวมของเล่นในประเทศไทยเองก็ตกอยู่ในภาวะเดียวกันกับต่างประเทศคือชะลอตัว ไม่เติบโตเท่าไหร่ แม้ว่าจะยังไม่มีการเก็บข้อมูลตัวเลขตลาดของเล่นในไทยที่ชัดเจนก็ตาม โดยเฉพาะปัญหาหลักที่ทำให้ตลาดรวมไม่ค่อยเติบโต คือ ปัญหาด้านราคาจำหน่ายสินค้าที่ค่อนข้างสูงเกินไป เนื่องจากผู้ประกอบการทำการกำหนดราคากันเองโดยใช้มาตรฐานเดียวกับการส่งออก จึงทำให้ราคาในไทยค่อนข้างสูง ส่งผลให้ตลาดเป้าหมายหรือผู้บริโภคตัดสินใจซื้อยากขึ้น
ขณะที่ผลกระทบจากสินค้าประเทศจีนที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยจำนวนมากนั้น ปัญหานี้ก็เริ่มลดลงบ้างแล้วเพราะว่าผู้บริโภคคนไทยจำนวนมากเริ่มมีความเข้าใจและเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงคุณภาพมากกว่าราคา และยังสามารถหาข้อมูลได้จากโซเชียลมีเดียต่างๆ ประกอบกับทางรัฐบาลของประเทศจีนเองก็เริ่มให้ความสำคัญและมีความเข้มงวดขึ้นกับผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าของเล่นส่งออกให้มีมาตรฐาน
รวมไปถึงปัญหาเรื่องต่อต้านสินค้าจากจีนด้วย จึงส่งผลดีต่อตลาดส่งออกของเล่นไทยไปจีนในช่วง 4-5 ปีมานี้ ของเล่นจากไทยที่ส่งไปขายในจีนมีการเติบโตเพิ่มกว่า 100% ทุกปี เพราะว่าผู้บริโภคชาวจีนให้การยอมรับด้านคุณภาพสินค้าของไทยมาก และคาดว่าจีนจะกลายเป็นตลาดใหม่และเป็นโอกาสอย่างมากในอนาคตจากนี้สำหรับของเล่นไทย
นายอมรชัย นาคศุภมิตร นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดอุตสาหกรรมของเล่นไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของโลกที่ชะลอตัวลงในบางตลาดหลักๆ รวมทั้งของเล่นยังถูกมองว่าเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือยทำให้เป็นสินค้าต้นๆ ที่ผู้บริโภคตัดทิ้งเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดหลักที่ประเทศไทยส่งออกไปมากที่สุด คือ อเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป ที่ลดปริมาณการนำเข้าของเล่นจากไทยลง ส่งผลต่อผู้ประกอบการของไทยพอสมควร
ทั้งนี้ ในปี 2562 นี้คาดว่าภาพรวมของตลาดส่งออกอุตสาหกรรมของเล่นของไทยไปยังต่างประเทศจะอยู่ในภาวะทรงตัวที่มีมูลค่าประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทเท่าปีที่แล้ว และเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว ที่ตลาดรวมส่งออกชะลอตัวไม่ได้เติบโตมากนัก โดยที่ยังไม่เห็นมีปัจจัยบวกอะไรที่จะทำให้ตลาดส่งออกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นเหมือนเดิม
ดังนั้น ทางออกของปัญหาดังกล่าวผู้ประกอบการภาคเอกชนของไทยต้องปรับตัวและกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ สำคัญที่สุดคือต้องทำการศึกษาประเทศตลาดเป้าหมายว่ามีความต้องการอย่างไร อีกทั้งต้องนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ของเล่นต่างๆ เพื่อรองรับตลาดที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่รุนแรงด้วยเช่นกัน จากการศึกษาพบว่าของเล่นที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญจะเป็นของเล่นที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ การเพิ่มทักษะสมอง การพัฒนาการเติบโต เพื่อให้เด็กได้มีการฝึกทักษะไปด้วย
อีกทั้งจะต้องคำนึงถึงข้อกำหนดและมาตรฐานต่างๆ ของแต่ละประเทศให้ดีด้วยว่ามีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะปัญหาและผลกระทบจากวัตถุดิบที่นำมาผลิตของเล่นเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายแก่เด็ก ซึ่งต่างประเทศให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก โดยในตลาดโลกปัจจุบันนี้จะมีเรื่องข้อกำหนดของสารเคมีต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะจะทำให้สามารถผลิตสินค้าและทำการส่งออกได้เหมาะสม
นายอมรชัยกล่าวต่อว่า สำหรับตลาดรวมของเล่นในประเทศไทยเองก็ตกอยู่ในภาวะเดียวกันกับต่างประเทศคือชะลอตัว ไม่เติบโตเท่าไหร่ แม้ว่าจะยังไม่มีการเก็บข้อมูลตัวเลขตลาดของเล่นในไทยที่ชัดเจนก็ตาม โดยเฉพาะปัญหาหลักที่ทำให้ตลาดรวมไม่ค่อยเติบโต คือ ปัญหาด้านราคาจำหน่ายสินค้าที่ค่อนข้างสูงเกินไป เนื่องจากผู้ประกอบการทำการกำหนดราคากันเองโดยใช้มาตรฐานเดียวกับการส่งออก จึงทำให้ราคาในไทยค่อนข้างสูง ส่งผลให้ตลาดเป้าหมายหรือผู้บริโภคตัดสินใจซื้อยากขึ้น
ขณะที่ผลกระทบจากสินค้าประเทศจีนที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยจำนวนมากนั้น ปัญหานี้ก็เริ่มลดลงบ้างแล้วเพราะว่าผู้บริโภคคนไทยจำนวนมากเริ่มมีความเข้าใจและเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงคุณภาพมากกว่าราคา และยังสามารถหาข้อมูลได้จากโซเชียลมีเดียต่างๆ ประกอบกับทางรัฐบาลของประเทศจีนเองก็เริ่มให้ความสำคัญและมีความเข้มงวดขึ้นกับผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าของเล่นส่งออกให้มีมาตรฐาน
รวมไปถึงปัญหาเรื่องต่อต้านสินค้าจากจีนด้วย จึงส่งผลดีต่อตลาดส่งออกของเล่นไทยไปจีนในช่วง 4-5 ปีมานี้ ของเล่นจากไทยที่ส่งไปขายในจีนมีการเติบโตเพิ่มกว่า 100% ทุกปี เพราะว่าผู้บริโภคชาวจีนให้การยอมรับด้านคุณภาพสินค้าของไทยมาก และคาดว่าจีนจะกลายเป็นตลาดใหม่และเป็นโอกาสอย่างมากในอนาคตจากนี้สำหรับของเล่นไทย