“กรมการค้าภายใน” ตั้งเป้าหมายราคา 7 สินค้าเกษตร ก่อนเดินหน้าผลักดัน เผยยังจะเร่งดูแลความเป็นธรรมเรื่องเครื่องชั่ง ป้องกันถูกโกงน้ำหนัก พร้อมเข้าไปดูแลราคาอาหาร หลังได้รับร้องเรียนคิดราคาแพงเกิน ส่วนยา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ ชงขึ้นบัญชีควบคุม 9 ม.ค.นี้
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงแผนการทำงานในปี 2562 ว่า กรมฯ ได้เตรียมมาตรการเชิงรุกในการดูแลราคาสินค้าเกษตร 7 ชนิดเป็นการล่วงหน้า ได้แก่ มะพร้าวแห้ง ปาล์มน้ำมัน ไข่ไก่ สับปะรด หอมแดง หอมหัวใหญ่ และกระเทียม โดยได้เสนอให้คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เห็นชอบแล้ว และจากนี้จะมีการติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีปัญหาจะเร่งเข้าไปเชื่อมโยงตลาด กระจายผลผลิตออกจากพื้นที่ผ่านตลาดกลาง ตลาดต้องชม และร้านค้าริมทาง รวมถึงเร่งผลักดันการส่งออก เพื่อดูแลเกษตรกรให้ขายผลผลิตได้คุ้มกับต้นทุนและไม่มีปัญหาราคาตกต่ำ
โดยมะพร้าวแห้งกำหนดเป้าหมายราคาไว้ที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากราคาปัจจุบัน 11 บาทต่อกก. ปาล์มน้ำมัน 3.30 บาทต่อ กก. จาก 2.90 บาทต่อกก. ไข่ไก่คละ 3 บาทต่อฟอง จาก 2.60 บาทต่อฟอง สับปะรด 4.77 บาทต่อกก. จาก 3.50 บาทต่อ กก. หอมแดง 14.95 บาทต่อ กก. หอมหัวใหญ่ 10.09 บาทต่อ กก. และกระเทียมสดคละ 14.20 บาทต่อ กก. ซึ่ง 3 ตัวหลังปัจจุบันยังไม่มีราคาเปรียบเทียบ เนื่องจากผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด
ทั้งนี้ ในการผลักดันราคาให้ไปสู่เป้าหมาย ปาล์มน้ำมันได้เร่งแก้ไขปัญหาสต๊อกล้น โดยผลักดันให้นำไปผลิตไฟฟ้า 1.6 แสนตัน มะพร้าวแห้ง จะเริ่มรับซื้อจากเกษตรกรได้ภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนนี้ ไข่ไก่ ได้เร่งระบายผลผลิตส่วนเกิน ทั้งส่งออก กระจายผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและงานธงฟ้า และสับปะรด ได้เร่งทำการเชื่อมโยงตลาดแล้ว
นายวิชัยกล่าวว่า กรมฯ ยังจะเข้าไปดูแลเครื่องชั่ง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกร โดยจะเน้นเครื่องชั่งขนาดใหญ่ที่ใช้ในการชั่งข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด และเครื่องชั่งน้ำหนักรถ เพราะหากมีการโกงน้ำหนักแค่ 1% จะทำให้เกษตรกรเสียหายปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนเครื่องชั่งในตลาดสด ร้านค้า จะถ่ายโอนอำนาจให้ท้องถิ่น หรือเจ้าของตลาดเป็นผู้รับผิดชอบ หากตรวจสอบพบตลาดใดโกง เจ้าของตลาดต้องรับผิดชอบเป็นคนแรก
นอกจากนี้จะเน้นการดูแลผู้บริโภค โดยในด้านการบริโภคสินค้า จะดูแลไม่ให้สินค้าปรับขึ้นราคา เพราะไม่มีปัจจัยกระทบต้นทุน เพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้าราคาถูกผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ พัฒนาแอปพลิเคชันโดยรวบรวมรายชื่อตลาดที่มีอยู่ทั้งตลาดกลาง ตลาดต้องชม ตลาดริมทาง เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้า และในด้านบริการ จะเพิ่มการดูแลราคาในร้านอาหารและภัตตาคาร โดยจะหารือกับสมาคมภัตตาคารไทย เพื่อจัดทำหลักเกณฑ์ดูแล ทั้งเรื่องเซอร์วิสชาร์จ 10% การห้ามบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ในบิล การตั้งราคาอาหารที่เหมาะสม หลังจากได้รับการร้องเรียนเข้ามามาก ส่วนค่ายา เวชภัณฑ์และค่าบริการทางการแพทย์ จะเสนอให้เป็นสินค้าและบริการควบคุมในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เพื่อทำมาตรการดูแลราคาให้ผู้บริโภคได้ต่อไป