“กรมการค้าต่างประเทศ” เดินหน้าทบทวนประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำเข้าและส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ เล็งเพิ่มเงื่อนไขการนำเข้าต้องมีเอกสารหรือหลักฐานที่มา ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์จากไม้หรือไม้ล้อม ต้องมีใบอนุญาตหรือหนังสือรับรอง จากเดิมคุมแค่ไม้ท่อน ไม้แปรรูปและถ่านไม้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นคู่ค้าว่าไม้ไทยมีที่มาถูกต้อง เตรียมถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดประชาพิจารณ์ช่วงไตรมาสแรกปี 62
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนประกาศกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลการนำเข้าและส่งออกสินค้าไม้และผลิตภัณฑ์ เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบให้เหมาะสมกับสถานการณ์การค้าปัจจุบัน สามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลการนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2535 แต่ปัจจุบันสถานการณ์การค้าไม้เปลี่ยนแปลงไป หลายประเทศให้ความสำคัญกับการตรวจสอบรับรองแหล่งที่มาของไม้เพื่อป้องกันการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า มีการกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการการนำเข้าที่เข้มงวดขึ้น เช่น ต้องตรวจพิสูจน์ว่าเป็นไม้ที่ได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมายและมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ประกอบกับประเทศเพื่อนบ้านเช่นเมียนมาและกัมพูชามีนโยบายห้ามส่งออกไม้ซุงและไม้ท่อนเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของตน
“กรมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าต้องทบทวนมาตรการการค้าไม้ โดยร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่ จะเพิ่มข้อกำหนดให้การนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้จากทุกประเทศต้องมีเอกสารหรือหลักฐานสำแดงแหล่งที่มาว่าเป็นไม้ที่ได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมายของประเทศผู้ผลิตหรือผู้ส่งออก และเพิ่มมาตรการส่งออกกับผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ล้อมให้ต้องมีใบอนุญาตส่งออกหรือมีหนังสือรับรอง จากเดิมที่กำกับดูแลการส่งออกเฉพาะไม้ท่อน ไม้แปรรูป และถ่านไม้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศคู่ค้าว่าสินค้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้จากไทยมีที่มาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสอดคล้องกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ภายใต้ข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป” นายอดุลย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการแก้ไขประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว มีความเป็นไปได้ที่กระทรวงพาณิชย์จะมอบอำนาจให้กรมป่าไม้เป็นผู้พิจารณาออกใบอนุญาตหรือหนังสือรับรอง เพื่อให้บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
นายอดุลย์กล่าวว่า ไม้เป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหวเนื่องจากเกี่ยวพันกับหลายฝ่าย ทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจะกำหนดมาตรการใดๆ ต้องผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 กรมฯ จะจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นต่อร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่ ก่อนเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและภาคประชาสังคมต่อไป
ในปี 2555-2560 มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ปี 2561 (ม.ค.-ต.ค.) การนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์มีมูลค่ารวม 14,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าไม้แปรรูป รองลงมา คือ ไม้อัดและไม้วีเนียร์ ผลิตภัณฑ์ไม้ และไม้ซุง ตามลำดับ แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ จีน มาเลเซีย นิวซีแลนด์ พม่า และเวียดนาม ส่วนการส่งออกในปี 2555-2560 แนวโน้มมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และปี 2561 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่าการส่งออกรวม 80,491 ล้านบาท ลดลง 11% ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกไม้แปรรูป รองลงมาคือ ไฟเบอร์บอร์ด และไม้อัด ตามลำดับ ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น