กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รับลูก “ศิริ” พร้อมเดินหน้าเปิดให้เอกชนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ คาดเริ่มได้ครึ่งหลังปี 2562 เร่งทำความเข้าใจชุมชนและเคลียร์ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกับกฎหมายอื่นให้ชัดหวังเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน พร้อมดูแลการผลิตแหล่งก๊าซเอราวัณ-บงกชให้รักษาระดับการผลิตตามแผนกำหนดไว้โดยเฉพาะช่วงรอยต่อที่ใกล้สิ้นสุดอายุสัมปทานต้องไม่สะดุด
นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับมอบหมายจากนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้พิจารณาเปิดประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ คาดว่าจะมีความชัดเจนและดำเนินการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งระหว่างนี้กรมฯ ก็จะต้องไปพิจารณารายละเอียดให้สอดรับกับ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. 2561 ที่กำหนดรูปแบบดำเนินการไว้แล้วซึ่งแปลงอ่าวไทยจะใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) และแปลงบนบกจะใช้ระบบสัมปทาน ทั้งนี้เพื่อที่จะเพิ่มสำรองแหล่งปิโตรเลียมของประเทศในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้มากขึ้น
“การเปิดสำรวจฯ รอบใหม่นี้ก็ต่อเนื่องจากรอบที่ 21 ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนจะเรียกว่ารอบที่เท่าใดหรืออย่างไร รวมถึงจะเปิดทั้งหมดเลยหรือว่าจะเปิดเฉพาะพื้นที่ที่เห็นว่ามีศักยภาพทั้งหมดก็คงต้องมาพิจารณาและรอนโยบายเป็นสำคัญซึ่งกฎหมายเองก็เปิดช่องไว้ว่าครบ 3 ปีให้สิทธิในการทบทวนได้ว่าจะใช้ระบบใดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น ภารกิจนี้ก็ถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญต่อจากการเปิดประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณ และบงกช” นางเปรมฤทัยกล่าว
นอกจากนี้ การจะเปิดสิทธิ์ให้สำรวจฯรอบใหม่ก็จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของพื้นที่ต่างๆ ที่ทับซ้อน เช่น กรมป่าไม้ ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ซึ่งกรมฯ ได้ดำเนินการมาตลอดในเรื่องนี้เพื่อให้ความรู้และเข้าใจเพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะหากมีการเปิดให้สำรวจฯ แต่หากถูกต่อต้านก็คงไม่สามารถดำเนินการได้อยู่ดี
สำหรับการเปิดประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ ที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทาน 23 เม.ย. 2565 และบงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานใน 7 มีนาคม ปี 2566 หลังจากได้รายชื่อ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เป็นผู้ชนะประมูลทั้ง 2 แหล่งจะมีการลงนามในสัญญาระบบ PSC เดือน ก.พ. 2562 จากนั้นกรมฯ จะเร่งหารือปตท.สผ.เพื่อให้สามารถเข้าดำเนินการผลิตให้เป็นไปตามเอกสารเชิญชวนให้ยื่นข้อเสนอ (Invitation For Proposal หรือ IFP) ขณะเดียวกันก็ต้องหารือให้ผู้รับสัมปทานรายเดิม โดยเฉพาะในส่วนของแหล่งเอราวัณที่มีเชฟรอนได้รับสัมปทานจะรักษาระดับการผลิตไว้ให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบที่ต้องจัดหาเพิ่มเติม
“บงกชเป็นรายเก่าคงไม่ห่วง แต่แหล่งเอราวัณผลิตก๊าซฯ อยู่ที่ 1,240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน) เมื่อปลายอายุแล้วการที่เชฟรอนเขาจะขุดเจาะเพิ่มเพื่อรักษาผลิตก็คงจะไม่คุ้มเราก็ขอให้ลดได้ แต่ก็ต้องอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 800 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน นอกจากนี้ การนำแท่นขุดเจาะใหม่ลงก็จะต้องใช้เวลา 30 เดือนอย่างต่ำ ฯลฯ ขณะเดียวกัน กรมฯ ก็ต้องชี้แจงเพิ่มเติมในรายละเอียดของ PSC ให้กับทุกฝ่ายได้เข้าใจแม้ว่าเราจะใช้รูปแบบนี้แล้วกับพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA) แต่ครั้งนี้จะเกิดขึ้นที่ไทยแบบเต็มรูปแบบ” นางเปรมฤทัยกล่าว