xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกพ.ย.พลิกกลับมาติดลบ 0.95% ส่วนยอดรวม 11 เดือนเพิ่ม 7.29% ทั้งปียังมีลุ้น 8%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“พาณิชย์”เผยยอดส่งออกเดือนพ.ย. ทำได้มูลค่า 2.12 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 0.95% ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี เหตุสงครามการค้าเริ่มพ่นพิษ ตลาดจีนติดลบหนัก 8.9% สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมหลายตัวยอดตก แต่ยังขอลุ้นทั้งปีเข้าเป้า 8% หลัง 11 เดือนเพิ่ม 7.29% “บรรจงจิตต์”เตรียมลุยปั๊มส่งออก เร่งจัดคณะผู้แทนการค้าบุกเจาะตลาดอีกเพียบ

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือนพ.ย.2561 มีมูลค่า 21,237.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 0.95% เป็นการกลับมาขยายตัวติดลบเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี หลังจากที่เดือนก.ย.ติดลบ 5.20% และเดือนต.ค.กลับมาเป็นบวก 8.70% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 22,415 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.66% โดยขาดดุลการค้ามูลค่า 1,177.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุที่ทำให้การส่งออกเดือนพ.ย.2561 ติดลบ เพราะไทยเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยสินค้าที่เป็นซัปพลายเชนในการผลิตของจีน มีการส่งออกได้ลดลง โดยเฉพาะชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รวมกับยอดส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง ยางพารา และมันสำปะหลังที่ลดลง ทำให้ตลาดจีนกลับมาติดลบมากถึง 8.9% จากที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก่อน

นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ก็กลับมาติดลบ 8.4% สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ข้าว ลด 22.4% เพราะเดือนเดียวกันของปีก่อนไทยส่งออกข้าวทำสถิติสูงสุด ยางพารา ลด 25% น้ำตาล ลด 32% ผัก ผลไม้สดแช่แข็งและแปรรูป ลด 6.3% แต่เครื่องดื่ม เพิ่ม 19.6% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 6% ทูน่ากระป๋องเพิ่ม 9.2% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป เพิ่ม 3.8%

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมลดลง 0.4% สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลด 8% เครื่องโทรสาร โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลด 31.9% เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลด 6.1% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ลด 39.4% โดยสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เพิ่ม 17.2% ทองคำ เพิ่ม 146% ผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่ม 4.7% เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เพิ่ม 7.6%

ทางด้านตลาดส่งออก มีการหดตัวในหลายตลาด เช่น สหภาพยุโรป ลด 2% ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่สงบในภูมิภาค และยังน่าห่วงที่ปีหน้าข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เวียดนาม-สหภาพยุโรปจะมีผลบังคับใช้ จะยิ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย ขณะที่อาเซียน 5 ประเทศ ลด 4.3% เอเชียใต้ ลด 7.6% ฮ่องกง ลด 11.1% เกาหลีใต้ ลด 1.8% และไต้หวัน ลด 3% ลาตินอเมริกาลด 9.7% ทวีปออสเตรเลีย ลด 11.8% ตะวันออกกลาง ลด 17.4% ส่วนสหรัฐฯ เพิ่ม 11.9% ญี่ปุ่น เพิ่ม 4.3% รัสเซียและ CIS เพิ่ม 6.6%

“การส่งออกในช่วง 11 เดือน มีมูลค่า 232,725 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.29% การนำเข้ามีมูลค่า 231,434.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.77% เกินดุลการค้ามูลค่า 1,381.1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหากการส่งออกทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมาย 8% การส่งเดือนธ.ค.2561 ต้องทำได้มูลค่า 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะตัวเลขรายเดือนที่ผ่านมา สามารถส่งออกได้เกิน 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐเกือบทุกเดือน ปริ่มๆ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยซ้ำ ซึ่งต้องรอลุ้นกัน”น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

ด้านน.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ มีแผนที่จะเร่งหาตลาดรองรับ มีทั้งการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเคาะประตูบ้าน เช่น กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม พลาสติก ชิ้นส่วนยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ยาง การจัดคณะผู้แทนไปสำรวจเส้นทางการค้าบนเส้นทางสายไหมของจีน ที่จะเน้นสินค้าอาหารและฮาลาล การจัดกองกำลังเฉพาะกิจ (Special Task Force) ไปเจาะตลาดแอฟริกา ที่จะเน้นผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์การเกษตร เครื่องจักรการเกษตร รวมทั้งมีแผนผลักดันและสร้างโอกาสในการค้าขายผ่านออนไลน์ ซึ่งได้ลงนามกับจีนไปแล้ว เช่น jd.com และ tmall.com และมีแผนที่จะรุกตลาดอินเดียผ่านทางออนไลน์ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น