xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเดือน พ.ย.ดีดตัวขึ้น ได้แรงหนุนลงทุนภาครัฐ ท่องเที่ยวฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือน พ.ย. ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 48.3 เหตุได้แรงหนุนจากการลงทุนของรัฐบาล การท่องเที่ยวช่วงไฮซีซันฟื้นตัว ส่งออกเพิ่ม จ้างงานเพิ่ม ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น คาด เดือน ธ.ค. จะดีกว่านี้ หลังสหรัฐฯ และ จีน ยุติสงครามการค้าชั่วคราว รัฐให้เงินของขวัญ 500 เข้าบัตรคนจน และมีช้อปช่วยชาติ ห่วง กนง. ขึ้นดอกเบี้ย ทำเอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกหอการค้าไทย 333 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5 ต.ค.- 25 พ.ย. 2561 เพื่อสอบถามถึงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยประจำเดือน พ.ย. 2561 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยอยู่ที่ 48.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. 2561 อยู่ที่ 48.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 46.1 เพิ่มจาก 45.8 และดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในอนาคตอยู่ที่ 50.5 เพิ่มจาก 50.2

สำหรับความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวม พบว่า เดือน พ.ย. 2561 ดัชนีอยู่ที่ 48.1 เพิ่มจาก ต.ค. 2561 อยู่ที่ 47.6 ดัชนีการบริโภค 47.9 เพิ่มจาก 47.4 การลงทุน 47.1 เพิ่มจาก 46.6 การท่องเที่ยว 50.4 ลดจาก 50.5 แต่ยังขยายตัวเกินระดับ 50 ขึ้นไป ภาคเกษตร 43.1 เพิ่มจาก 42.8 ภาคอุตสาหกรรม 49.6 เพิ่มจาก 49.2 ภาคการค้า 48.5 เพิ่มจาก 48.2 ภาคการค้าชายแดน 52.9 เพิ่มจาก 50.7 ภาคบริการ 50.7 เพิ่มจาก 50.4 และการจ้างงาน 46.4 เพิ่มจาก 46.3

ปัจจัยบวกที่ทำให้ความเชื่อมั่นหอการค้าไทยปรับตัวดีขึ้น เป็นผลจากการใช้จ่ายและการลงทุนในปีงบประมาณของรัฐบาล การเติบโตอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี การส่งออกยังมีสัญญาณเติบโต การจ้างงานในอุตสาหกรรมบริการเพิ่มขึ้น และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือก ส่วนปัจจัยลบคือ ปัญหาความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปัญหาค่าเงินบาทผันผวน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลง เป็นต้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจรอบเดือน ธ.ค. จะเห็นทิศทางที่ชัดเจนกว่านี้ เพราะการสำรวจรอบนี้ยังไม่รวมกรณีที่สหรัฐฯ และจีน ยุติการขึ้นภาษีสินค้าระหว่างกัน หรือพักรบสงครามการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน รวมถึงมาตรการเติมเงินบัตรคนจน 500 บาท ที่คนเริ่มกดเงินกันในช่วงเดือน ธ.ค. และมาตรการช้อปช่วยชาติ ที่ให้หักลดหย่อนภาษี 3 สินค้า คือ ยางรถยนต์ หนังสือ และ สินค้าโอทอป ทำให้ทั้งปี 2561 คาดว่า จีดีพีจะเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ 4.2% ส่วนปีหน้าจีดีพีโตในกรอบ 4-4.5%

สำหรับประเด็นที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) มีความเป็นห่วง คือ หากในวันที่ 19 ธ.ค. 2561 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นดอกเบี้ยเชิงนโยบาย 0.25% รอบสุดท้ายในช่วงปลายปี 2561 จะทำให้เอสเอ็มอีสัดส่วน 10% จากทั้งหมด 3 ล้านราย หรือประมาณ 2 แสนราย จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จึงเห็นว่า ยังไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย ถ้าจะขึ้นควรเป็นไตรมาส 1 ปี 2562


กำลังโหลดความคิดเห็น