“กกร.” คาด ศก.ปี 2562 ยังโตได้ต่อเนื่อง คาดโตได้ระดับ 4-4.3% ขณะที่การส่งออกโตชะลอตัวลงคาดเฉลี่ย 5-7% จากปีนี้ที่มองว่าส่งออกน่าจะโตได้ระดับ 8% จากภาวะ ศก.โลกที่ชะลอและต้องเกาะติดสงครามการค้า ชี้ปัจจัยหนุนปีหน้าเลือกตั้ง มาตรการอัดฉีดผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เร่งประสานสภาพัฒน์ฯ หวังฟื้นเวที กรอ.ส่วนกลางเพื่อหารือ 5 เรื่องขับเคลื่อน ศก.
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.คงประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 2561 ในกรอบล่างที่ประเมินว่าจะเติบโต 4.4% จากปี 2560 เช่นเดียวกับการส่งออกที่คาดว่าโตระดับ 8% ส่วนปี 2562 นั้นการส่งออกของไทยมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและการเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้า กกร.จึงคาดว่าการส่งออกจะโตในกรอบ 5-7% ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2562 เติบโตได้ในระดับ 4-4.3%
“ศก.ไทยในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้มีการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่ช่วงสิ้นปีนี้ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการส่งออกที่เติบโตสูงขึ้น กกร.จึงมองว่าปีนี้ ศก.ไทยจะเติบโตได้ตามกรอบเป้าหมายที่วางไว้ระดับล่างคือโต 4.4% และส่งออกน่าจะโตได้ 8%” นายกลินทร์กล่าว
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2562 ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงทั้งความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและความเสี่ยงของสถานการณ์ Brexit ตลอดจนการฟื้นตัวกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้ ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ตลอดจนราคาพืชผลทางการเกษตรในประเทศที่จะมีผลต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกปี 2562 คือบรรยากาศของการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าจะกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติในช่วงกลางปี 2562 หากปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกคลี่คลายโดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
“กกร.มองว่าจำเป็นต้องอาศัยการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะจากการพึ่งพาเม็ดเงินการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งการเลือกตั้งจะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น
ส่วนมาตรการชอปช่วยชาติรอบใหม่ที่จะเริ่ม 15 ธ.ค. 2561-15 ม.ค. 2562 นั้นจะช่วยให้เกษตรกรสวนยาง และชุมชนต่างๆ มีรายได้มากขึ้น ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มจีดีพีของไทย 0.1-0.2%” นาย กลินทร์กล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.ได้มอบหมายคณะทำงานประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อหารือการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ กรอ.ส่วนกลาง ซึ่งจะครอบคลุมภายใต้กรอบ 5 กลุ่มเรื่อง ได้แก่ การส่งเสริมการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรม การส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการ การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบลอจิสติกส์ และการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ