“สารัชถ์” ปฏิเสธซื้อหุ้น “วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ”

“สารัชถ์” ปฏิเสธข่าวกัลฟ์ฯ สนใจซื้อหุ้น “วินด์ เอนเนอร์ยี่” อ้างเป็นเพียงข่าวลือรวมทั้งยังไม่มีความคิดยกเลิกสัญญาซื้อก๊าซฯ จาก ปตท.ด้วย ขณะเดียวกันก็ซื้อซองประมูลโครงการต่างๆ ในอีอีซีเพื่อศึกษาข้อมูล ยังไม่ตัดสินใจว่าจะยื่นซองหรือไม่

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)(GULF) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่ากัลฟ์ฯจะเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด(WEH) ตนขอปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว และไม่สนใจซื้อหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ แต่อย่างใด ข่าวลือก็คือข่าวลือ

ส่วนการลงทุนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นั้น บริษัทฯ ได้เข้าซื้อซองประมูลโครงการต่างๆ ในอีอีซี เช่น โครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 โครงการรถไฟความเร็วสูง และโครงการมอเตอร์เวย์ เพื่อต้องการศึกษาข้อมูลเท่านั้น ส่วนการยื่นซองประมูลหรือไม่ ยังไม่ได้ตัดสินใจ ขึ้นกับความเหมาะสม

ส่วนโครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 มีการสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ขนาด 10.8 ล้านตัน ยังไม่มั่นใจว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จะลงทุนทำคลัง LNG ได้จริงหรือไม่ เนื่องจากโครงการนี้ยังไม่ได้ผ่านการอนุมัติจากกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ากัลฟ์ฯ จะยกเลิกสัญญาการซื้อขายก๊าซฯ ที่ทำกับ ปตท.นั้น ทางกัลฟ์ไม่คิดที่จะยกเลิกสัญญาแต่อย่างใด ที่ผ่านมาบริษัทฯ และปตท.เป็นคู่ค้าที่ดี ส่วนเรื่องนี้คงมาจากกรณีที่บริษัทได้เสนอความเห็นการเปิดเสรีแอลเอ็นจีตามที่ กกพ.ชุดเก่าให้ภาคเอกชนแสดงความเห็น

นายสารัชถ์กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ 2 หมื่นล้านบาท เป็น 3.2 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 60%เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนาม และโรงไฟฟ้าใหม่ในไทย 4 โรง รวม 600 เมกะวัตต์

โดยในปี 2565 บริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นล้านบาท หลังรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าไอพีพีโรงแรก 2,500 เมกะวัตต์

วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯ อนุมัติการออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาทเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ 6 พันล้านบาท และที่เหลือใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนาม และโอมาน

ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้ 5,282 เมกะวัตต์ และปี 2567 จะเพิ่มเป็น 11,910 เมกะวัตต์ หรือโตขึ้น 14.5% ซึ่งการลงทุนในประเทศไทยคงต้องรอแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ใหม่ก่อน