xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดบีโอไอจัดหนัก! คลอดมาตรการส่งเสริมฯพิเศษดันทุนปี 62

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะบอร์ดบีโอไอ เคาะคลอดมาตรการส่งเสริมการลงทุนทุกระดับ ทั้งโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งออกมาตรการ “เมืองอัจฉริยะ” และเปิดประเภทกิจการใหม่หวังยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมดึงบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ หวังดึงการลงทุนปี 62 กระหึ่ม

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมภายในปี 2562 ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่มีผลต่อเศรษฐกิจและเทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขีดแข่งขันให้กับประเทศ มีผลบังคับใช้กับคำขอที่ยี่นตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ไปจนถึงสิ้นปี 2562 โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมคือการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 3 ปี โดยต้องเป็นโครงการที่มีเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในทุกประเภทกิจการ (ยกเว้นกิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการ เช่น กิจการขนส่งทางอากาศ กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี ขึ้นไปตามเกณฑ์สิทธิปกติ แต่ไม่เกิน 8 ปี ตั้งสถานประกอบการได้ในทุกพื้นที่ทุกจังหวัดยกเว้นกรุงเทพมหานคร และดำเนินการตามกำหนดเวลาทุกขั้นตอน

บีโอไอสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเป็นมาตรการที่ปรับปรุงใหม่ มีผลบังคับใช้กับคำขอที่ยื่นตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ถึงสิ้นปี 2563 โดยจะมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงกว่าเข้าไปสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถขององค์กรท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน มีเงินลงทุนขั้นต่ำในการสนับสนุนแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และหากสนับสนุนหลายรายในโครงการเดียวกัน จะต้องสนับสนุนไม่น้อยกว่า 2 แสนบาทต่อราย เช่น การสนับสนุนอุปกรณ์ ฯลฯโดยขยายขอบข่ายให้ครอบคลุมในส่วนของผู้รับการสนับสนุนไปถึงอุตสาหกรรมเบา กิจการท่องเที่ยวชุมชน และในส่วนของผู้ให้การสนับสนุน (ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ) ให้ขยายเป็นครอบคลุมทุกประเภทกิจการ และเป็นโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิมแต่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้ หรือสิทธิประโยชน์ได้สิ้นสุดลงแล้ว

ออกมาตรการส่งเสริม “สมาร์ท ซิตี้”

เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนกิจการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) สอดรับประเทศไทย 4.0 ตาม แบ่งออกเป็น 3 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. กิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือจะต้องจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะด้านสิ่งแวดล้อม (Smart Environment) และจะต้องลงทุนจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะด้านอื่นๆ อีกอย่างน้อย 1 ด้าน จาก 6 ด้าน (Smart Mobility, Smart People, Smart Living, Smart Economy, Smart Governance, Smart Energy) และจะต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นข้างมาก หากผู้ลงทุนสามารถจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะครบทั้ง 7 ด้านข้างต้นจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี (จำกัดวงเงิน) แต่หากดำเนินการไม่ครบทั้ง 7 ด้าน จะให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปีในกรณีที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี ภายหลังการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง

2. กิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือ โครงการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะที่จะขอรับการส่งเสริมจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะโดยจะให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปี (จำกัดวงเงิน) ในกรณีที่เป็นการพัฒนาระบบให้กับเมืองอัจฉริยะหรือนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี ผู้พัฒนาระบบดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปีเช่นกัน และหากตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี ภายหลังการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง

3. กิจการพัฒนานิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือต้องจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะภายในพื้นที่ครบทั้ง7 ด้าน โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี(จำกัดวงเงิน)และจะต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นข้างมาก เงื่อนไขให้ผู้ที่จะขอรับส่งเสริมทั้งกิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ และกิจการพัฒนานิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะก่อนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน

สนับสนุนสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมและดิจิทัล


นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมและดิจิทัล โดยปรับปรุงเงื่อนไขประเภทกิจการศูนย์บ่มเพาะด้านนวัตกรรม (Innovation Incubation Center) ในหลายประเด็น เช่น เพิ่มพื้นที่ขั้นต่ำจากเดิม 300 ตารางเมตร เป็น 1,000 ตารางเมตร เพื่อความเหมาะสม และต้องมีแผนการบ่มเพาะเพื่อการพัฒนานวัตกรรมตามที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ ซึ่งจะช่วยให้มีการพัฒนาและบ่มเพาะผู้ประกอบการได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเห็นชอบให้บีโอไอเปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการ Maker Space หรือ Fabrication Laboratory เพื่อให้บริการเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี และยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร

และเพื่อดึงดูดบริษัทระดับโลกที่มีชุมชนนักพัฒนาที่เข้มแข็งให้มาลงทุนในไทย ที่ประชุมได้อนุมัติให้เปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการ Co-Working Space เพื่อเสริมภาวะแวดล้อมให้เกิดการเชื่อมโยงกับนักพัฒนาของไทย และยังช่วยส่งเสริมชักจูงสตาร์ทอัพและ VCจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในไทยด้วย เงื่อนไขสำคัญ คือต้องจัดให้มีพื้นที่ให้บริการไม่น้อยกว่า 2,000ตารางเมตร และมีเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษีอาการ

สนับสนุนบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่ประชุมยังได้พิจารณามาตรการสนับสนุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนโดยบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 100% ของเงินลงทุน (โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563

ผ่อนผันเกณฑ์การใช้แรงงานต่างด้าว

ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ทบทวนหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือแบบ MOU เท่านั้น นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป โดยผ่อนผันให้ใช้แรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายได้ทุกประเภทไม่จำกัดเพียงแรงงานต่างด้าวแบบ MOU เท่านั้นเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของกระทรวงแรงงาน


กำลังโหลดความคิดเห็น