ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.ย.ลดลงมาอยู่ที่ 91.5 จากน้ำมันแพง-เงินบาทแข็งค่ากระทบส่งออก แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังเชื่อว่าจะส่งออกได้ดีจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ส.อ.ท.เตรียมเสนอรัฐบาล “เมดอินไทยแลนด์” เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเป็นเกราะป้องกันเศรษฐกิจ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนกันยายน 2561 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2561 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 91.5 ลดลงจากระดับ 92.5 ในเดือนสิงหาคม 2561 เนื่องจากกังวลราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่ง ขณะที่ผู้ประกอบการส่งออกระบุว่าค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคกระทบความสามารถในการแข่งขันลดลง รวมทั้งปัญหาความแออัดของท่าเรือที่ทำให้ความล่าช้าในการขนส่งสินค้า ขณะเดียวกันยังเห็นว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีแนวโน้มยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและดัชนีฯ มีค่าเกิน 100 สะท้อนมุมมองต่อการประกอบธุรกิจในระดับที่ดี สามารถควบคุมการผลิตบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความเชื่อมั่นด้านการส่งออกยังมีทิศทางที่ดี สะท้อนจากดัชนียอดคำสั่งซื้อและยอดขายในต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 106.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 105.6 ในเดือนสิงหาคม เพราะมีความชัดเจนของภาครัฐเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ประกอบกับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 อุปสงค์ของสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่
นายสุพันธุ์กล่าวต่อไปว่า ส.อ.ท.เตรียมที่จะเสนอโครงการ Made in Thailand ให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเป็นเกราะป้องกันเศรษฐกิจของประเทศภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งโครงการนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนจะทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ภาครัฐและคนไทยเกิดความภาคภูมิใจ เชื่อมั่นหันมาสนับสนุนใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย กลุ่มเป้าหมายคือ ภาครัฐ ธุรกิจเอกชน ผู้บริโภคในประเทศ และผู้นำเข้าต่างประเทศ