xs
xsm
sm
md
lg

SCCชี้น้ำมันพุ่ง-สงครามการค้า ฉุดมาร์จินปิโตรฯวูบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ปูนซิเมนต์ไทยรับปีนี้สเปรดปิโตรเคมีหดตัวลงจากปีก่อน หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น และผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน เผยวันนี้ บริษัทฯ เซ็นสัญญาร่วมกับดาว ประเทศไทย และอมตะฯ ในการสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในไทยที่นิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี เพื่อเป็นทางเลือกช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติก
นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ( SCC) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปัจจุบันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์(สเปรด)ของผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกHDPEกับวัตถุดิบคือแนฟทาลดลงเมื่อเทียบจากครึ่งแรกปีนี้ที่ HDPE มีสเปรดอยู่ที่ 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน และสเปรดเม็ดพลาสติกPPจากครึ่งแรกปีนี้เฉลี่ย 600 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน รวมทั้งมีปัจจัยผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นคาดว่า ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 74-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นราว 15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลเมื่อเทียบจากราคาน้ำมันเมื่อปลายปี 2560 ที่อยู่ระดับ 55-56 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรล ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบ คือแนฟทาปรับตัวขึ้นตามไปด้วย คาดว่าทั้งปี 2561 บริษัทจะได้รับผลกระทบไม่มากจากมาร์จินพลาสติกที่ลดลง เนื่องจากบริษัทหันมาผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม(HVA)สูงขึ้นโดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 31%ของรายได้
วันนี้ (4 ต.ค.) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เพื่อสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในนิคมอุตสาหกรรม ณ ต้นแบบเมืองอัจฉริยะอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าให้กับขยะพลาสติกตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนช่วยแก้ปัญหาการจัดการขยะภายในนิคมอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการตอบโจทย์นวัตกรรมถนนยางมะตอยที่มีประสิทธิภาพสูง
นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาที่ดิน บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ความร่วมมือ 3 ฝ่ายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญในการนำพลาสติกรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบของการสร้างถนนในพื้นที่นำร่องภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เพื่อสร้างต้นแบบเมืองอัจฉริยะ(สมาร์ทซิตี้)แห่งแรกของไทย ซึ่งการสร้างถนนจากพลาสติกรีไซเคิลนอกจากจะมีความแข็งแรงทนทานและประสิทธิภาพสูงกว่ายางมะตอยทั่วไปแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อันจะนำมาซึ่งการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งในแต่ละปีไทยมีขยะพลาสติกประมาณ 1.5 ล้านตันที่ยังไม่ได้ถูกจัดการอย่างถูกวิธี ซึ่งบางส่วนอาจถูกพัดออกสู่มหาสมุทร ส่งผลต่อระบบนิเวศ ดังนั้น โครงการถนนพลาสติกรีไซเคิลในพื้นที่นิคมฯอมตะรวม 2,600 ตารางเมตร คาดว่าจะใช้จำนวนพลาสติกรีไซเคิลประมาณ 1.3 ตัน หรือเทียบเท่ากับถุงพลาสติก จำนวนประมาณ 1 แสนใบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2561
ด้านนายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า โครงการถนนพลาสติกรีไซเคิลจะช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกได้อย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของถนนยางมะตอยอีกด้วย โดยจะนำขยะพลาสติกรีไซเคิลมาผสมแทนยางมะตอยราว 8-10% ทำให้ต้นทุนลดลง 20-30% ขณะที่คุณสมบัติของพลาสติกจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานได้เพิ่มขึ้น 15-33% กันการกัดเซาะพื้นผิวถนนและยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น 6% และยังเป็นแนวทางหนึ่งของการลดปริมาณะพลาสติกที่ออกไปสู่ทะเลได้อย่างเป็นรูปธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น