xs
xsm
sm
md
lg

“เซฟดรัก” เสริมแกร่ง “ไอที-บิ๊กดาต้า” รับศึกตลาดร้านขายยาแข่งดุ-ลุย ตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เซฟดรัก” เสริมแกร่ง “ไอที-บิ๊กดาต้า” รับศึกตลาดร้านขายยาแข่งดุ-ลุย ตปท.

ผู้จัดการรายวัน 360 - “เซฟดรัก” ซุ่มเสริมแกร่งทั้งไอที บิ๊กดาต้า สาขา รับศึกตลาดร้านขายยาแข่งดุจากเชนนอกบุกหนัก เร่งเพิ่มสาขา บริการใหม่ๆ นอกเหนือจากยา พร้อมลุยต่างประเทศ นำร่องที่กัมพูชา

นายมติชน อ่ำดี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ เซฟดรัก บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือบีดีเอ็มเอส BDMS เปิดเผยว่า ตลาดรวมทางด้านสุขภาพในไทยหรือ เฮลท์มาร์เกต (Health Market) ที่รวมทั้ง การบริการ การรักษา ยา อุปกรณ์ เครื่องมือ ในไทยมีมูลค่าประมาณ 300,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดรวมทางด้านยามีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดสุขภาพโดยรวม ก็เป็นตลาดที่มีการเติบโตดีเช่นกัน เพราะเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรง

“ปัจจุบันตลาดรวมร้านขายยาซึ่งรวมไปถึงร้านสุขภาพและความงามมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงจากผู้ประกอบกาจำนวนมาก โดยแบ่งได้เป็น ผู้ประกอบการที่เป็นลักษณะเชน มีสาขาจำนวนมาก บางรายมากกว่า 300-400 สาขา ทั้งจากแบรนด์ไทยกับแบรนด์ต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน ซึ่งกลุ่มนี้มีการขยายตัวค่อนข้างเร็วทั้งในด้านสาขา การทำตลาด และลงทุน และผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นเชน มีสาขาไม่มาก กระจายไปทั่ว โดยกลุ่มที่เป็นเชนไทยและเชนต่างประเทศจะมีบทบาทมากกว่าในการทำตลาดและการแข่งขัน ซึ่งหากมองในแง่จำนวนสาขาแล้ว ร้านเซฟดรักถือว่าติดท็อปไฟว์ได้ หรืออยู่ในอันดับที่ 4 หรือ 5”

นายมติชนกล่าวให้ความเห็นว่า ร้านขายยาที่เป็นเชนจากต่างประเทศจะมีความได้เปรียบเรื่องของเงินลงทุน ระบบ จำนวนมากจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ แต่ราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับเชนที่เป็นแบรนด์ของไทยที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า และมีความเป็นกันเองในเรื่องความเป็นโลคัล รวมทั้งเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า และมียาที่เป็นยาทั่วไปมากกว่า รวมทั้งราคาสินค้ามีราคาที่ต่ำกว่า 10-20%
ณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ
ทั้งนี้ ธุรกิจร้านขายยาเซฟดรักของบริษัทฯ บีดีเอ็มเอส ที่เข้าไปซื้อกิจการจากเจ้าของเดิมมาเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้นได้มีการพัฒนาและปรับปรุงมาตลอด กระทั่งขณะนี้มีความแข็งแกร่งและสมบูรณ์ ซึ่งปีที่แล้วก็มีการลงทุนไปมากโดยเฉพาะเรื่องไอที เรื่องบิ๊กดาต้า ที่จะทำให้มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการพัฒนาระบบ การบริการ การทำตลาด การทำโปรโมชัน ให้ลูกค้าเองด้วยซึ่งล่าสุดสามารถรองรับการรับชำระค่าสินค้าและบริการในระบบต่างๆ ได้แล้ว เช่น อาลีเพย์ เป็นต้น ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ รวมทั้งการขยายธุรกิจและการบริการที่ครอบคลุมความต้องการของตลาดมากขึ้นกว่าการเป็นร้านขายยาเท่านั้น

แผนการขยายสาขาเซฟดรัก บริษัทฯ วางเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2563 จะขยายสาขาเซฟดรักให้ได้ครบ 200 สาขา โดยคาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนรวมประมาณ 200-300 ล้านบาท จากปัจจุบันมีประมาณ 150 สาขา และตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมปี 2561 นี้ตั้งไว้ที่ 1,100 ล้านบาท ส่วนรายได้ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2558 มีรายได้รวม 646 ล้านบาท, ปี 2559 มีรายได้รวม 786 ล้านบาท, ปี 2560 มีรายได้รวม 976 ล้านบาท

กลยุทธ์การขยายสาขาของเซฟดรัก จะเป็นการลงทุนเองทั้งหมด ไม่มีการขายแฟรนไชส์ เพราะต้องการควบคุมเรื่องคุณภาพและการบริการ ทำเลที่มองไว้เป็นย่านชุมชนหรือสแตนด์อะโลน ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนร้านแบบสแตนด์อะโลนประมาณ 15% หรือเปิดในกลุ่มค้าปลีกทั่วไปเพื่อเข้าหาผู้บริโภคง่ายขึ้น ซึ่งกระจายอยู่ในโมเดิร์นเทรดต่างๆ โดยสัดส่วนสาขาของเซฟดรักแบ่งเป็น ภาคเหนือ 12 สาขา, ภาคตะวันตก 15 สาขา, ภาคใต้ 15 สาขา, ภาคอีสาน 15 สาขา, ภาคตะวันออก 26 สาขา และภาคกลางกับกรุงเทพฯ 67 สาขา

ส่วนบริการใหม่ๆ ที่ต้องการขยายนั้น เช่น การขายแพกเกจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่มีการร่วมมือกับโรงพยาบาลในเครือ การขายสินค้าและบริการที่แตกไลน์จากยามากขึ้น แต่ยังคงเกี่ยวข้องกับสุขภาพ เป็นต้น ที่ผ่านมามีปริมาณลูกค้าใช้จ่ายเฉลี่ย 400-500 บาทต่อครั้ง โดยมีสินค้าที่ไม่ใช่ยา สัดส่วน 30-40% มีรายการยาประมาณ 4,000 รายการ

สำหรับในต่างประเทศ นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล 7.1 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือบีดีเอ็มเอส BDMS เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาร้านขายยาเซฟดรักได้เข้าไปลงทุนในต่างประเทศบ้างแล้ว เช่น เปิดร้านขายยาในกัมพูชา ที่พนมเปญ 1 สาขาแล้ว และยังมีแผนที่จะขยายสาขาต่อเนื่อง ส่วนในประเทศอื่นอยู่ระหว่างการศึกษา


กำลังโหลดความคิดเห็น